
องค์การอนามัยโลกเตือน ‘โอไมครอน’น่าจะระบาดในเกือบทุกประเทศทั่วโลกแล้ว หวั่นผู้ป่วยกลับมาล้นโรงพาบาลอีกครั้ง หากเตรียมการรับมือไม่ดี
วันนี้ ( 15 ธ.ค. 64 )องค์การอนามัยโลก หรือ WHO เตือนว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ “โอไมครอน” ที่สามารถกลายพันธุ์ได้หลายครั้ง อาจจะระบาดเข้าเกือบทุกประเทศทั่วโลกแล้วในขณะนี้ โดยมีการยืนยันพบการระบาดอยู่ใน 77 ประเทศ แต่เทดรอส เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการ WHO กล่าวว่า บางทีอาจยังมีอีกหลายประเทศที่ยังตรวจไม่พบ และโอไมครอนกำลังแพร่ระบาดในอัตราที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ดร.เทดรอส กล่าวว่า เขามีความวิตกกังวลว่า โอไมครอน ถูกประเมินต่ำกว่าความเป็นจริง แน่นอนว่า ขณะนี้ เราทราบว่า เราประเมินอันตรายของไวรัสสายพันธุ์นี้ต่ำไป แม้ว่าโอไมครอนไม่ได้ทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรง แต่จำนวนผู้ติดเชื้อ อาจล้นระบบสาธารณสุขที่ไม่ได้เตรียมการรับมืออีก
ไวรัสสายพันธุ์ โอไมครอน พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ในเดือนพฤศจิกายน และตั้งแต่นั้นมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อในแอฟริกาใต้ก็พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก แม้แต่ตัวประธานาธิบดีไซริล รามาโฟซา ของแอฟริกาใต้ ก็ติดเชื้อไวรัสโควิด และปัจจุบันอยู่ระหว่างกักตัว มีอาการเล็กน้อย
หลายประเทศประกาศคำสั่งห้ามเดินทางส่งผลกระทบต่อแอฟริกาใต้และประเทศเพื่อนบ้าน หลังการปรากฏขึ้นของโอไมครอน แต่ก็ยังล้มเหลวที่จะหยุดยั้งไม่ให้ระบาดไปทั่วโลก
ดร.เทดรอส กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า โอไมครอน กำลังระบาดในอัตราที่เราไม่เคยเห็นจากโควิดสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ และกล่าวเพิ่มเติมว่า มีหลักฐานมากขึ้นที่บ่งชี้ว่า ประสิทธิผลของวัคซีนต่อโควิดกลายพันธุ์ลดลงเล็กน้อยในการป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิต รวมทั้งมีประสิทธิผลลดลงในการป้องกันการติดเชื้อและอาการป่วยเล็กน้อยด้วยเช่นกัน
ขณะที่ ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉินของ WHO กล่าวในวันอังคารว่า การฉีดวัคซีนโควิดให้กับกลุ่มที่ไม่มีภูมิคุ้มกันทั่วโลก ควรจะยังเป็นความสำคัญอันดับแรก ๆ ก่อนการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิเข็ม 3 ให้กับกลุ่มที่มีความเปราะบาง
ท่าทีขององค์การอนามัยโลก มีขึ้นหลังจากการศึกษาที่เก็บข้อมูลในโลกแห่งความเป็นจริงเกี่ยวกับประสิทธิผลของวัคซีนโควิด-19 ซึ่งจัดทำโดย South African Medical Research Council and Discovery Health หน่วยงานด้านประกันสุขภาพของแอฟริกาใต้ ที่เปิดเผยเมื่ออังคาร ระบุว่า วัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค ชนิด 2 โดส มีประสิทธิภาพลดลงในการป้องกันการติดเชื้อโควิดในแอฟริกา แต่ยังให้ปกป้องภาวะอาการป่วยหนักจากโควิดได้
การศึกษาล่าสุดจากแอฟริกาใต้ ชี้ว่า วัคซีนโควิด แบบ 2 โดสของไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค มีระดับการป้องกันการติดเชื้อที่ร้อยละ 33 แต่ป้องกันการป่วยหนักได้ร้อยละ 70 และถึงแม้ว่ามีโอกาสที่ผู้ป่วยโควิดจะกลับมาติดเชื้อซ้ำภายใต้สถานการณ์การระบาดที่เป็นอยู่ แต่อัตราการเจ็บป่วยหนักจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของผู้ติดเชื้อในวัยผู้ใหญ่ ต่ำกว่าช่วงการระบาดครั้งก่อน ๆ ที่ระดับร้อยละ 29
การศึกษาล่าสุดนี้ เก็บข้อมูลจากผู้ติดเชื้อโควิดราว 211,000 รายในแอฟริกาใต้ ช่วง 15 พฤศจิกายน ถึง 7 ธันวาคม ซึ่งราว 78,000 รายในนั้นเชื่อว่าเป็นผู้ติดเชื้อโควิดกลายพันธุ์โอมิครอนในแอฟริกาใต้
ในเรื่องนี้ ดร.ไมค์ ไรอัน กล่าวยืนยันว่า วัคซีนไม่ได้ล้มเหลวและยังให้การปกป้องผู้รับวัคซีนในระดับหนึ่ง และว่าการศึกษาดังกล่าวชี้ว่าวัคซีนให้การป้องกันอาการป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตจากโควิดกลายพันธุ์โอไมครอนได้ พร้อมกันนี้ ยังประเมินว่าต้องใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์กว่าที่โควิดโอไมครอนจะเอาชนะโควิดกลายพันธุ์เดลตา ขึ้นมาเป็นโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดใหญ่ทั่วโลกได้ รัฐบาลทั่วโลกจำเป็นต้องมุ่งเน้นอีกครั้งด้วยมาตรการปกป้องพื้นฐาน เช่นสวมหน้ากากอนามัย และเตรียมพร้อมโรงพยาบาลในการรับมือ
ส่วนประเด็นการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ ผู้อำนวยการใหญ่อนามัยโลก ย้ำว่าวัคซีนกระตุ้นภูมิจะมีบทบาทสำคัญในการลดการระบาดของโควิด และกลุ่มเสี่ยงสูงควรที่จะได้รับวัคซีนก่อน ขณะที่ยังไม่มีการศึกษาวิจัยมากพอถึงประสิทธิภาพของวัคซีนบูสเตอร์ในขณะนี้
ภาพจาก : รอยเตอร์
WHO ห่วง 'โอไมครอน' ระบาดหนักทั่วโลกผู้ป่วยล้นโรงพยาบาลอีกครั้ง - TNN24
Read More
No comments:
Post a Comment