
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เชื้อไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์หลัก BA.1 ได้แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก และทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นมากในหลายประเทศ คิดเป็นอัตราส่วนราว 98.8% ของจำนวนผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสรายใหม่ทั้งหมด ตามข้อมูลของ GISAID ณ วันที่ 25 มกราคม
แต่เวลานี้นักวิทยาศาสตร์กำลังกังวลว่า เชื้อโอมิครอนสายพันธ์ุย่อย BA.2 อาจกำลังเข้ามาแทนที่สายพันธ์ BA.1 ในทวีปยุโรปและเอเชีย
เทรเวอร์ เบดฟอร์ด นักไวรัสวิทยาแห่งศูนย์มะเร็ง Fred Hutchinson ผู้ติดตามตรวจสอบการกลายพันธุ์ของโคโรนาไวรัส ระบุในทวิตเตอร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า เวลานี้เชื้อโอมิครอนสายพันธ์ุย่อย BA.2 มีอัตราส่วนราว 82% ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ในเดนมาร์ก, 9% ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ในอังกฤษ และ 8% ในสหรัฐฯ อ้างอิงจากข้อมูลของ GISAID และมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (University of Oxford)
รายงานวิจัยบางชิ้นก่อนหน้านี้ชี้ว่า เชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ BA.2 อาจสามารถติดต่อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์ BA.1 ซึ่งก็แพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วอยู่แล้ว โดยนักวิจัยในเดนมาร์กระบุว่า เชื้อ BA.2 อาจสามารถแพร่เชื้อได้ง่ายกว่า BA.1 ราว 1.5 เท่า
ส่วนงานวิจัยของสำนักงานความมั่นคงด้านสาธารณสุขของอังกฤษ หรือ HSA ชี้ว่า เชื้อ BA.2 มีอัตราการแพร่เชื้อภายในครอบครัวราว 13.4% ขณะที่สายพันธุ์ BA.1 มีอัตราการแพร่เชื้อ 10.3%
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานว่า BA.2 จะสามารถหลบเลี่ยงวัคซีนได้มากกว่าหรือไม่ และก่อให้เกิดอาการโควิดรุนแรงมากน้อยแค่ไหน รวมทั้งคำถามที่ว่าผู้ที่เคยติดเชื้อไวรัสโอมิครอน BA.1 มาแล้วยังสามารถติดเชื้อ BA.2 ด้วยได้หรือไม่
ทางด้านองค์การอนามัยโลกระบุว่า นอกจากเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ BA.1 และ BA.2 แล้ว ขณะนี้ยังพบเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยอื่น ๆ ได้แก่ BA.1.1.529 และ BA.3 ซึ่งทั้งหมดมีรหัสพันธุกรรมที่คล้ายกัน แต่ก็มีลักษณะบางอย่างที่กลายพันธุ์ไปจนอาจส่งผลให้เกิดความแตกต่างกันเช่นกัน
นักวิทย์กังวลตัวเลขผู้ติดเชื้อโอมิครอนสายพันธ์ุย่อย BA.2 พุ่งในเอเชีย-ยุโรป - วีโอเอไทย - VOA Thai
Read More
No comments:
Post a Comment