Rechercher dans ce blog

Monday, February 28, 2022

'โควิดชลบุรี'ยังน่าห่วง!!ติดเชื้อรายใหม่พุ่ง1197ราย ไร้ผู้เสียชีวิต - หนังสือพิมพ์แนวหน้า

วันอังคาร ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2565, 08.12 น.

เมื่อวันที่ 1 มีนาคม  2565 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี สสจ.ชลบุรี สรุปรายงานสถานการณ์โควิดว่า  วันนี้มีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 1,197 ราย

1. คนที่พักอาศัยในจังหวัดระยอง เข้ามารักษาในจังหวัดชลบุรี 75 ราย สะสม 2,555 ราย และจังหวัดอื่นๆรวมสะสม 649 ราย


2. CLUSTER บริษัท ไทยอินซานเทค จำกัด อ.ศรีราชา 4 ราย สะสม 12 ราย

3. CLUSTER บริษัท ฟูจิตสึ เจเนอรัล (ประเทศไทย) จำกัด อ.ศรีราชา 4 ราย สะสม 129 ราย

4. CLUSTER บริษัท มิตซูบิชิ อิเล็คทริค คอนซูมเมอร์ โปรดักส์ (ประเทศไทย) จำกัด อ.เมืองชลบุรี 4 ราย สะสม 18 ราย

5. อาชีพเสี่ยงพบปะผู้คนจำนวนมาก 25 ราย

6. บุคลากรทางการแพทย์ 29 ราย

7. ให้ประวัติเดินทางมาจากต่างจังหวัด 6 ราย ดังนี้

7.1 กทม. 3 ราย

7.2 จังหวัดเชียงใหม่ 1 ราย

7.3 จังหวัดภูเก็ต 1 ราย

7.4 จังหวัดอุบลราชธานี 1 ราย

8. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน

8.1 ในครอบครัว 224 ราย

8.2 จากสถานที่ทำงาน 204 ราย

8.3 บุคคลใกล้ชิด 68 ราย

8.4 ร่วมวงสังสรรค์ 8 ราย

9. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน (อยู่ระหว่างสอบสวนโรค) 57 ราย

10. อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 489 ราย

ณ วันที่ 1 มีนาคม 2565 จังหวัดชลบุรี มีผู้ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม 800,580 คน ซึ่งในเดือนนี้ มีผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มแล้ว ติดเชื้อ 277 คน (อัตราป่วย 34.60 ต่อแสนประชากร) ไม่มีรายงานเสียชีวิต, ไม่มีรายงานผู้ป่วยใส่ท่อหายใจ, ไม่มีรายงานผู้ป่วยปอดอักเสบ

มีผู้ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม 1,886,997 คน ซึ่งในเดือนนี้ มีผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ติดเชื้อ 368 คน (อัตราป่วย 19.50 ต่อแสนประชากร) ไม่มีรายงานเสียชีวิต, ไม่มีรายงานผู้ป่วยใส่ท่อหายใจ, ไม่มีรายงานผู้ป่วยปอดอักเสบ

ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีนเพียง 1 เข็ม 96,192 คน และไม่ได้ฉีดวัคซีนอีก 345,884 คน รวม 442,076 คน ในเดือนนี้พบผู้ติดเชื้อที่ฉีดวัคซีนไม่ครบและยังไม่ได้ฉีดวัคซีน 552 คน (อัตราป่วย 124.87 ต่อแสนประชากร), ไม่มีรายงานเสียชีวิต, ไม่มีรายงานผู้ป่วยใส่ท่อหายใจ, ปอดอักเสบ 1 ราย (0.23 ต่อแสนประชากร)

วันนี้พบผู้ป่วยปอดอับเสบรายใหม่ 1 ราย (พบประวัติการรับวัคซีนหนึ่งเข็ม เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2564) ดังนั้น การฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ กล่าวคือต้องได้รับการกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดเข็มที่สาม จะช่วยลดความรุนแรงของโควิด-19 ผู้ที่อาศัยในจังหวัดชลบุรี ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือฉีดวัคซีนไม่ครบ มีโอกาสที่จะมีอาการรุนแรงมากกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 และกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ จะมีอาการมากกว่ากลุ่มอื่น

ขณะนี้มีการระบาดเป็นวงกว้างทั้งจังหวัดชลบุรี

ร้านอาหารจำหน่ายสแอลกอฮอล์ ต้องคัดกรองลูกค้าด้วย ATK ทุกคน

ขณะนี้เริ่มมีการระบาดในสถานประกอบการจำนวนมาก พนักงานต้องได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์และเคร่งครัดในมาตรการองค์กร

1. เลิกงานไม่สังสรรค์

2. อาหารต้องไม่ทานใกล้ชิดด้วย

3. ป่วยต้องหยุด

4. จุดสัมผัสร่วม ต้องทำความสะอาดบ่อยๆ เช่น ลูกบิด ราวบันได สแกนนิ้วมือ เซ็นชื่อแล้วต้องล้างมือทันที

5. เคร่งครัดในสุขอนามัยส่วนบุคคล ใส่แมสก์ตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ อยู่ห่างๆกัน

สำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต้องมีการกักตัวอย่างเข้มงวด ไม่ออกไปแพร่เชื้อ

การควบคุมป้องกันการระบาดของโควิด-19 ในจังหวัดชลบุรี อยู่บนพื้นฐานของสมดุลระหว่าง การควบคุมโรค เศรษฐกิจ สังคม

ปัจจัยความเร็วในการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขึ้นกับการเคลื่อนที่นอกบ้านของประชาชน ความใกล้ชิดกัน รวมทั้งระยะเวลาในการใกล้ขิดกัน นอกเหนือจากการไม่เคร่งครัดในสุขอนามัยส่วนบุคคล หากไม่ล้างมือก่อนจับหน้า เชื้อเข้าทางจมูก ปากตา ทำให้มีการติดเชื้อและแพร่ระบาดได้

ในสภาวะการณ์ที่โควิด-19 มีการระบาดในวงกว้าง จนอาจกลายเป็นโรคประจำถิ่น เชื้อไม่ได้หมดสิ่นไป ทำให้มีโอกาสในการติดเชื้อได้ แต่ต้องไม่ให้เกิดการระบาดจนระบบสาธารณสุขรองไม่ได้ และต้องไม่เสียชีวิต ดังนั้นจึงขอความร่วมมือทุกภาคส่วนปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคของจังหวัดชลบุรี

ค้นให้ตรงเป้า เฝ้าให้ตรงจุด ร่วมใจฉีดวัคซีน สู่โรคประจำถิ่น

1 ค้นให้ตรงเป้า ผู้ที่มีอาการไข้หวัด ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้ที่ได้วัคซีนไม่ครบ มีโอกาสเสี่ยงต่อความรุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่นๆ ต้องได้รับการตรวจคัดกรองด้วย ATK

2 เฝ้าให้ตรงจุด สถานที่ที่มีกลุ่มเปาะบาง เสี่ยงค่อความรุนแรงหรือเสี่ยงต่อการควบคุมการระบาดได้ยาก หากเกิดการระบาดขึ้น ต้องได้รับการคัดกรองด้วยATK สม่ำเสมอ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน สถานพักพิงคนพิการ ร้านอาหารจำหน่ายแอลกอฮอล์ ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่เป็นผู้สูงอายุ หรือมีโรคประจำตัว

3 ร่วมใจฉีดวัคซีน วัคซีนลดความรุนแรงของโควิด-19 ได้ 100% แต่ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว ยังคงสามารถติดเชื้อโควิด-19 ได้ ยังคงต้องมีสุขอนามมัยส่วนบุคคล ขอความร่วมมือทุกท่านในการฉีดวัคซีน เพื่อลดความเร็วในการระบาด และลดความรุนแรงของโควิด-19 โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประตำตัว ขณะนี้ยังคงมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว และเป็นผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีน

4 สู่โรคประจำถิ่น เชื้อโควิด-19 ได้ลดความรุนแรงลง และเข้าเป็นโรคประจำถิ่น ในที่สุด ทุกคนป้องกันตัวเองตามมาตรการ univeral protection ยังคงเคร่งครัดในสุขอนามัยส่วนบุคคล โดยเฉพาะช่วงที่กำลังมีการระบาดในวงกว้าง เพื่อชลอการระบาดไม่ให้รวดเร็วเกินไป ให้ดำเนินการตามมาตรการ คัดการด้วย ATK ก่อน และสามารถแยกกักที่บ้านได้หากไม่มีอาการและไม่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุหรือมีโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อความรุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่นๆ

การควบคุมป้องกันการระบาดของโควิด-19 เป็นหน้าที่ของทุกคน

#ค้นให้ตรวเป้า เฝ้าให้ตรงจุด ร่วมใจฉีดวัคซีน เข้าสู่โรคประจำถิ่น

#รู้หน้า_ไม่รู้ใจ_ไม่รู้ใครติดโควิดบ้าง

1 มีนาคม 2565 เวลา 06.30 น.

- 004

 

Adblock test (Why?)


'โควิดชลบุรี'ยังน่าห่วง!!ติดเชื้อรายใหม่พุ่ง1197ราย ไร้ผู้เสียชีวิต - หนังสือพิมพ์แนวหน้า
Read More

5 ภาคีพัฒนา'สเปรย์แอนติบอดีพ่นจมูก'ป้องกันโควิด ทดลองในสัตว์ได้ผลดี คาดได้ใช้ไตรมาส 3 - สำนักข่าวอิศรา

280265Spray P01

5 ภาคีรัฐ-เอกชน เซ็น MOU ผนึกกำลังพัฒนานวัตกรรมสเปรย์แอนติบอดีพ่นจมูกป้องกันโควิด ทดลองในสัตว์ได้ผลน่าพอใจ เตรียมศึกษาในคนต่อภายในไตรมาสแรก ตั้งเป้าผลิตออกสู่ตลาดให้คนไทยได้ใช้อย่างทั่วถึงในไตรมาสสามปี 65


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2565 ภาคีเครือข่ายจากภาครัฐและเอกชน ประกอบด้วย รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผศ.ชัยชาญ ถาวรเวช อธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม และนาวาโทแพทย์หญิงภาพร ประสิทธิ์ดำรง กรรมการบริษัทไฮไบโอไซ จำกัด เป็นตัวแทนร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือพัฒนานวัตกรรม "สเปรย์แอนติบอดีพ่นจมูกที่มีคุณสมบัติยับยั้งเชื้อโควิด" โดยการผนึกกำลังครั้งสำคัญนี้ เพื่อผลักดันงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมไทยสู่ระดับโลก

สำหรับนวัตกรรม “สเปรย์แอนติบอดีพ่นจมูกที่มีคุณสมบัติยับยั้งเชื้อโควิด” ได้ผ่านการทดสอบเบื้องต้นในสัตว์ทดลองได้ผลเป็นที่น่าพอใจและเตรียมเดินหน้าสู่การศึกษาทางคลินิกในอาสาสมัครภายในไตรมาสแรกของปีนี้ จากนั้นนำผลการศึกษายื่นขอขึ้นทะเบียนต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประมาณเดือน มิ.ย. 2565 คาดออกสู่ตลาดเพื่อให้ประชาชนไทยได้เข้าถึงนวัตกรรมสุขภาพอีกทางเลือกหนึ่งในการป้องกันเชื้อโควิดประมาณไตรมาส 3 ของปี 2565

รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ในสถานการณ์โควิด คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ได้ร่วมกับคณะต่างๆ เพื่อพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์สำคัญระดับประเทศต่างๆ เช่น การพัฒนาวัคซีน ChulaCov 19, ชุดตรวจเชื้อ, เครื่องช่วยหายใจ เป็นต้น องค์กรมีความยินดีและภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่จะนำองค์ความรู้จากการทำวิจัย โดยทีมนักวิจัยแพทย์จุฬาฯ คือการพัฒนาแอนติบอดีที่มีคุณสมบัติยับยั้งเชื้อโควิดได้อย่างจำเพาะและมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งทีมนักวิจัยได้บ่มเพาะและพัฒนามาตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการระบาด โดยได้รับการสนับสนุนทั้งจากภาคประชาชน และภาครัฐ คือ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) กระทั่งสามารถพัฒนาแอนติบอดีต้นแบบได้และได้ยื่นจดสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อย และมีความพร้อมที่จะถ่ายทอดองค์ความรู้นี้ไปสู่ภาคเอกชนเพื่อนำไปต่อยอด ในการทำการวิจัยทางคลินิก เพื่อสร้างเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่น่าจะมีส่วนช่วยป้องกันหรือรักษาโรคโควิด

อีกทั้งในขณะนี้ มีความร่วมมือของหน่วยงานภาคเอกชน ร่วมกับองค์การเภสัชกรรม ที่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญและคุณประโยชน์ของนวัตกรรมดังกล่าว ดำเนินการรับการถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ได้จากการทำวิจัยนี้เพื่อทำการวิจัยทางคลินิกต่อ และพัฒนาให้เป็นผลิตภัณฑ์สเปรย์แอนติบอดีพ่นจมูกที่มีคุณสมบัติยับยั้งเชื้อโควิด โดยหน่วยงานที่มาร่วมมือในครั้งนี้จะทำการวิจัยทางคลินิก และผลิตให้ได้ตามมาตรฐานเพื่อขอขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์กับสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ผลิตภัณฑ์นี้อย่างมั่นใจ และเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะมาช่วยรับมือกับสถานการณ์โรคระบาดโควิดต่อไป

“องค์ความรู้จากการวิจัยและความร่วมมือที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะทำให้เกิดนวัตกรรมที่สำคัญอีกชิ้นหนึ่งที่ประสบความสำเร็จ และช่วยให้ประเทศไทยก้าวพ้นสถานการณ์โรคระบาดโควิดครั้งนี้ได้อย่างปลอดภัย” รศ.นพ.ฉันชาย กล่าว

280265Spray P03

280265Spray P02

ผศ.ชัยชาญ ถาวรเวช อธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร กล่าวอีกว่า มหาวิทยาลัยศิลปากร โดย ศ.ดร.ภญ.ปราณีต โอปณะโสภิต พร้อมด้วย รศ.ดร.ภก.ประสพชัย พัฒน์โรจนโสภณ และคณะทำงาน คณะเภสัชศาสตร์ ได้ร่วมศึกษาวิจัยกับทีมวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบสเปรย์แอนติบอดีสำหรับพ่นจมูกเพื่อป้องกันโควิด ซึ่งจากผลการทดลองเบื้องต้นในระดับห้องปฏิบัติการและการศึกษาวิจัยในสัตว์ทดลอง แอนติบอดีพ่นจมูกที่พัฒนาขึ้นมีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อโควิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยศิลปากรหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การวิจัยและพัฒนา และความร่วมมือที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ จะทำให้เกิดนวัตกรรมด้านสุขภาพสำหรับคนไทย เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ประเทศไทยผ่านพ้นสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดได้

ด้าน นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) กล่าวว่า นวัตกรรม "สเปรย์แอนติบอดีพ่นจมูกที่มีคุณสมบัติยับยั้งเชื้อโควิด" ที่กำลังจะถูกพัฒนาขึ้นมาและมีการศึกษาประสิทธิภาพในมนุษย์นั้น เป็นการต่อยอดจากงานวิจัยที่ สวรส.ได้ให้การสนับสนุนในโครงการ "การพัฒนา Monoclonal antibody cocktail ต่อเชื้อ SAR-CoV-2 จากผู้ป่วยโควิดที่หายจากโรค" พร้อมกันนี้ สวรส. ยังได้สนับสนุนทุนวิจัยในด้านนวัตกรรม เพื่อเป้าหมายในการเติมเต็มความมั่นคงด้านสุขภาพ รวมทั้งการเข้าถึงบริการสุขภาพของคนไทยอย่างเท่าเทียม และนวัตกรรมด้านสุขภาพจะช่วยให้คนไทยเกิดการพึ่งพาตนเองด้านสุขภาพมากยิ่งขึ้น

“การสนับสนุนทุนการวิจัยด้านนวัตกรรมสุขภาพ สวรส. ครั้งนี้นับว่าเป็นอีกครั้งสำคัญในการต่อยอดนวัตกรรมสุขภาพเชิงพาณิชย์ และยังเป็นการสนับสนุนให้เกิดศักยภาพของนักวิจัย เพื่อนำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมบนความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน พร้อมยกระดับสร้างความเชื่อมั่นงานวิจัย/นวัตกรรม ที่จะมีมาตรฐาน และครอบคลุมการวิจัยทางคลินิก ตลอดจนการวิจัยทดลองในมนุษย์ด้วย” นพ.นพพร กล่าว

นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวเสริมว่า องค์การเภสัชกรรมเป็นองค์กรหลักในการผลิตและจัดหายาและเวชภัณฑ์ในสถานการณ์โควิดมาอย่างต่อเนื่อง และมุ่งส่งเสริมให้มีผลิตภัณฑ์สุขภาพที่เป็นนวัตกรรมสามารถผลิตขึ้นใช้ได้เองในประเทศ ด้วยความเชี่ยวชาญในการผลิตยาและเวชภัณฑ์ ที่มีมาตรฐานยอมรับในระดับสากล องค์การเภสัชกรรมได้เข้ามามีบทบาทในการผลิต ผลิตภัณฑ์นวัตกรรม“สเปรย์แอนติบอดีพ่นจมูกที่มีคุณสมบัติยับยั้งเชื้อโควิด” สำหรับนำไปใช้ในการศึกษาทางคลินิกในอาสาสมัคร เพื่อศึกษาถึงประสิทธิผลและความปลอดภัย เป็นข้อมูลในการยื่นขอขึ้นทะเบียนต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ต่อไป

ความร่วมมือของภาคีเครือข่ายทั้ง 5 หน่วยงานครั้งนี้ นับเป็นแพลตฟอร์มใหม่ของความร่วมมือที่ก่อให้เกิดนวัตกรรมสุขภาพในการขับเคลื่อนการดูแลสุขภาพคนไทย พร้อมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและอนาคตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป

280265Spray P04

280265Spray P05

นาวาโทแพทย์หญิงภาพร ประสิทธิ์ดำรง กรรมการ บริษัทไฮไบโอไซ จำกัด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลามากกว่า 2 ปี ที่เชื้อไวรัสโควิดอุบัติขึ้น และระบาดจนส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ทั้งต่อเศรษฐกิจ และชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนทั่วโลก มาตรการด้านสาธารณสุข และการส่งเสริมให้คนได้รับวัคซีน เป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยลดอัตราการติดเชื้อ รวมถึงอัตราการเสียชีวิตของประชาชนในแต่ละประเทศ แต่ทว่า ยังมีกลุ่มคนอีกมากที่สร้างภูมิจากวัคซีนได้ไม่ดี หรือภูมิที่มีอยู่ไม่ได้นาน ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อโควิดได้

“บริษัท ไฮไบโอไซ จำกัด มีความตั้งใจที่จะผลักดันนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์สเปรย์พ่นจมูกที่มีแอนติบอดีจากมนุษย์ที่จำเพาะต่อเชื้อโควิดที่คิดค้นโดยแพทย์ไทย ซึ่งตอบโจทย์เรื่องการเสริมภูมิคุ้มกันที่โพรงจมูกซึ่งเป็นด่านหน้าที่จะดักจับเชื้อโควิดไม่ให้เข้าสู่ทางเดินหายใจส่วนล่าง โดยมุ่งที่จะพัฒนานวัตกรรมนี้จนเป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกในการป้องกันเชื้อโควิด ได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมของคนไทย เพื่อคนไทย โดยจะเตรียมความพร้อมในการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ภายในไตรมาสแรก และ ขยายผลในการจัดจำหน่ายให้เข้าถึงคนไทยภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ เพื่อส่งเสริมให้เกิดความมั่นคงในระบบสุขภาพของประเทศ นอกจากนั้นบริษัทฯ ยังมีแผนในการขยายผลสู่ตลาดในต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมและผลักดันให้นวัตกรรมไทยสู่เวทีโลกอีกด้วย” พญ.ภาพร กล่าว

ทั้งนี้ ความร่วมมือของภาคีเครือข่ายทั้ง 5 หน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ ร่วมกันพัฒนานวัตกรรมตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ตั้งแต่การคิดค้นพัฒนานวัตกรรมแอนติบอดี้ที่มีคุณสมบัติจำเพาะเพื่อป้องกันโควิด การสนับสนุนทุนให้เกิดการพัฒนาวิจัยต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบสเปรย์ที่มีประสิทธิผลและสะดวกในการใช้ ตลอดจนกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปต้นแบบ และออกสู่ตลาดเพื่อการนำไปใช้ได้จริง นับเป็นแพลตฟอร์มใหม่ของความร่วมมือที่ก่อให้เกิดนวัตกรรมสุขภาพต้นแบบในการขับเคลื่อนการดูแลสุขภาพคนไทยเพื่อพร้อมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและอนาคตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป

Adblock test (Why?)


5 ภาคีพัฒนา'สเปรย์แอนติบอดีพ่นจมูก'ป้องกันโควิด ทดลองในสัตว์ได้ผลดี คาดได้ใช้ไตรมาส 3 - สำนักข่าวอิศรา
Read More

วัคซีนไทยทะลุ! 123.4 ล้านโดส บูสต์แล้ว 29.1% - สยามรัฐ

ศูนย์ข้อมูลโควิด รายงานข้อมูลจำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ.64 - 26 ก.พ.65)
รวม 123,462,330 โดส ใน 77 จังหวัด
ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 26 ก.พ.65
ยอดฉีดทั่วประเทศ 303,092 โดส
เข็มที่ 1 : 67,406 ราย
เข็มที่ 2 : 33,769 ราย
เข็มที่ 3 : 201,917 ราย

จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 53,516,065 ราย (คิดเป็น 76.9% ของจำนวนประชากร)
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 49,707,279 ราย (คิดเป็น 71.5% ของจำนวนประชากร)
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 20,238,986 ราย (คิดเป็น 29.1% ของจำนวนประชากร)

Adblock test (Why?)


วัคซีนไทยทะลุ! 123.4 ล้านโดส บูสต์แล้ว 29.1% - สยามรัฐ
Read More

ข่าวดี สเปรย์พ่นจมูกยับยั้งเชื้อโควิด-19 จ่อวางตลาดไตรมาส 3 ปีนี้ - ฐานเศรษฐกิจ

ด้าน นพ.วิฑูรย์ กล่าวว่า อภ.เป็นองค์กรหลักในการผลิตและจัดหายาและเวชภัณฑ์ในสถานการณ์โควิด 19 มาอย่างต่อเนื่อง และมุ่งส่งเสริมให้มีผลิตภัณฑ์สุขภาพที่เป็นนวัตกรรมสามารถผลิตขึ้นใช้ได้เองในประเทศ ด้วยความเชี่ยวชาญในการผลิตยาและเวชภัณฑ์ ที่มีมาตรฐานยอมรับในระดับสากล อภ.ได้เข้ามามีบทบาทในการผลิต ผลิตภัณฑ์นวัตกรรม "สเปรย์แอนติบอดีพ่นจมูกที่มีคุณสมบัติยับยั้งเชื้อโควิด-19"

สำหรับนำไปใช้ในการศึกษาทางคลินิกในอาสาสมัคร เพื่อศึกษาถึงประสิทธิผลและความปลอดภัย เป็นข้อมูลในการยื่นขอขึ้นทะเบียนต่อ อย.ต่อไป ความร่วมมือของภาคีเครือข่ายทั้ง 5 หน่วยงานครั้งนี้ นับเป็นแพลตฟอร์มใหม่ของความร่วมมือที่ก่อให้เกิดนวัตกรรมสุขภาพในการขับเคลื่อนการดูแลสุขภาพคนไทย พร้อมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและอนาคตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป

ขณะที่น.ท.พญ.ภาพร กล่าวว่า บริษัทมีความตั้งใจที่จะผลักดันนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์สเปรย์พ่นจมูกที่มีแอนติบอดีจากมนุษย์ที่จำเพาะต่อเชื้อโควิด-19 ที่คิดค้นโดยแพทย์ไทย ซึ่งตอบโจทย์เรื่องการเสริมภูมิคุ้มกันที่โพรงจมูกซึ่งเป็นด่านหน้าที่จะดักจับเชื้อโควิดไม่ให้เข้าสู่ทางเดินหายใจส่วนล่าง โดยมุ่งที่จะพัฒนานวัตกรรมนี้จนเป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกในการป้องกันเชื้อโควิด-19 ได้อีกทางหนึ่งซึ่งถือเป็นนวัตกรรมของคนไทยเพื่อคนไทย

มีการเตรียมความพร้อมในการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ภายในไตรมาสแรก และ ขยายผลในการจัดจำหน่ายให้เข้าถึงคนไทยภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ เพื่อส่งเสริมให้เกิดความมั่นคงในระบบสุขภาพของประเทศ นอกจากนั้นบริษัทฯ ยังมีแผนในการขยายผลสู่ตลาดในต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมและผลักดันให้นวัตกรรมไทยสู่เวทีโลกอีกด้วย
 

Adblock test (Why?)


ข่าวดี สเปรย์พ่นจมูกยับยั้งเชื้อโควิด-19 จ่อวางตลาดไตรมาส 3 ปีนี้ - ฐานเศรษฐกิจ
Read More

Sunday, February 27, 2022

หมอยง ตอบแล้ว! ทำไมจึงต้องให้ วัคซีนในเด็ก ชี้ เชื่อว่าสถานการณ์โควิด จะเบาลงในเดือนมีนาคมนี้ - Bright Today

หมอยง ตอบแล้ว! ทำไมจึงต้องให้ วัคซีนในเด็ก ขณะนี้เด็กติดโควิดเพิ่มจำนวน ชี้ เชื่อว่าสถานการณ์โควิด จะเบาลงในเดือนมีนาคมนี้

เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2565 ทางด้านของ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว Yong Poovorawan ระบุเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย พร้อมทั้งสาเหตุว่าทำไมต้องให้ วัคซีนในเด็ก พร้อมแผนการคราวๆเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนของเด็กๆ

โควิด 19 วัคซีน ทำไมจึงต้องให้วัคซีนในเด็กยง
ภู่วรวรรณ 27 กุมภาพันธ์ 2565

โรค covid 19 ในประเทศไทยขณะนี้อยู่ในขาขึ้น และเชื่อว่าจะเริ่มลงในกลางเดือนมีนาคม หลังจากที่นักเรียนปิดเทอมหมดแล้ว และอยู่ในช่วงฤดูร้อนขณะนี้จำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น จำนวนหนึ่งจะเป็นเด็กและวัยรุ่นที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเด็ก เมื่อมีการติดเชื้อจะเกิดกลุ่มก้อนในบ้าน

เด็กส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดที่แข็งแรงดี เมื่อติดเชื้อจะมีอาการน้อยมาก แต่จะมีส่วนในการแพร่กระจายเชื้อโดยเฉพาะในครอบครัวเด็กเองก็มีความจำเป็นในเรื่องของการศึกษา และในอนาคตจำเป็นที่จะต้องไปโรงเรียน โดยเฉพาะเด็กเล็ก

การระบาดของโรคทางเดินหายใจ ส่วนใหญ่จะพบได้สูงมากหลังนักเรียนเปิดเทอม คือในเดือนมิถุนายน จนถึงกันยายน และจะเริ่มน้อยลง และจะไปเพิ่มอีกครั้งหนึ่งในราวเดือนมกราคม จนถึงมีนาคม เป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว โดยเฉพาะช่วงแรกของเทอมแรกมากกว่าในเทอมที่ 2

การให้ภูมิต้านทานในเด็ก ถ้ามองระยะยาวแล้ว จากบทเรียนให้ผู้ใหญ่ การเริ่มให้วัคซีนตั้งแต่วันนี้ และวางแผน เข็มที่ 3 ในช่วงเทอมหน้า ก็จะเป็นวิธีการที่ดีที่สุด เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าวัคซีน 2 เข็ม จะป้องกันได้ในระยะสั้น และเมื่อภูมิต้านทานลดลง ก็จำเป็นต้องมีการกระตุ้นครั้งที่ 3 เพื่อให้ภูมิสูงขึ้นและอยู่นานกว่า

Adblock test (Why?)


หมอยง ตอบแล้ว! ทำไมจึงต้องให้ วัคซีนในเด็ก ชี้ เชื่อว่าสถานการณ์โควิด จะเบาลงในเดือนมีนาคมนี้ - Bright Today
Read More

สวพ. FM 91 สถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัยและการจราจร - สวพ. FM 91 สถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัยและการจราจร

28 ก.พ. 2565 | 06:39:08

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี สสจ.ชลบุรี  วันนี้มีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 1,275 ราย

1. คนที่พักอาศัยในจังหวัดระยอง เข้ามารักษาในจังหวัดชลบุรี 66 ราย สะสม 2,477 ราย และจังหวัดอื่นๆรวมสะสม 614 ราย

2. CLUSTER บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอนซูมเมอร์ โปรดักส์ (ประเทศไทย) จำกัด อ.เมืองชลบุรี 3 ราย สะสม 14 ราย

3. อาชีพเสี่ยงพบปะผู้คนจำนวนมาก 35 ราย

4. บุคลากรทางการแพทย์ 20 ราย

5. ให้ประวัติเดินทางมาจากต่างจังหวัด 11 ราย ดังนี้

    5.1 จังหวัดเชียงใหม่ 2 ราย
    5.2 จังหวัดสมุทรสาคร 2 ราย
    5.3 กทม. 1 ราย
    5.4 จังหวัดกระบี่ 1 ราย
    5.5 จังหวัดจันทบุรี 1 ราย
    5.6 จังหวัดภูเก็ต 1 ราย
    5.7 จังหวัดสงขลา 1 ราย
    5.8 จังหวัดสมุทรปราการ 1 ราย
    5.9 จังหวัดสุราษฎร์ธานี 1 ราย

6. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน

    6.1 ในครอบครัว 260 ราย
    6.2 จากสถานที่ทำงาน 213 ราย 
    6.3 บุคคลใกล้ชิด 62 ราย 
    6.4 ร่วมวงสังสรรค์ 13 ราย
 
7. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน (อยู่ระหว่างสอบสวนโรค) 57 ราย 

8. อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 535 ราย


Share this:

Adblock test (Why?)


สวพ. FM 91 สถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัยและการจราจร - สวพ. FM 91 สถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัยและการจราจร
Read More

สิงห์อมควันอ่วม 5 โรคเรื้อรังแทรก - ไทยรัฐ

ศ.นพ.วิชัย เอกพลากร ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี หัวหน้าโครงการการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 6 พ.ศ.2562-2563 เปิดเผยว่า จากผลการสำรวจสุขภาพคนไทยพบว่า ผู้สูบบุหรี่ 2,679,184 คน มีโรคเรื้อรัง โรคใดโรคหนึ่งใน 5 โรค คือ เบาหวาน ความดันสูง โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง

ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า อัตราการสูบบุหรี่ของชายไทยในการสำรวจนี้เท่ากับ 29.5% ผู้ป่วยเบาหวาน 21.0% โรคหัวใจ 16.2% ความดันสูง 27.4% แต่ผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรังประจำตัวทุกโรค การสูบบุหรี่จะทำให้การรักษาโรคที่เป็นอยู่ยากขึ้น เกิดโรคแทรกซ้อนเร็วและรุนแรงขึ้น ดังนั้น การเลิกสูบบุหรี่มีความสำคัญที่สุดที่จะลดความรุนแรงของโรค ลดการเกิดโรคแทรกซ้อน ผู้ที่มีโรคประจำตัวทุกชนิด จึงต้องพยายามเลิกบุหรี่ รวมทั้งบุหรี่ไฟฟ้าให้ได้ ขณะที่ครอบครัวต้องช่วยด้วยการให้กำลังใจผู้สูบบุหรี่ในการที่จะเลิก สิ่งที่สำคัญคือ ผู้สูบบุหรี่และครอบครัวต้องร่วมกันกำหนดให้ไม่มีการสูบบุหรี่ในบ้าน ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ผู้สูบบุหรี่สูบน้อยลง และทำให้เลิกสูบง่ายขึ้น

พญ.ปิยวรรณ ลิ้มปัญญาเลิศ ผอ.สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล กล่าวว่า มาตรฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพฉบับใหม่ ที่จะมีผลบังคับใช้เร็วๆนี้ กำหนดให้ผู้ให้บริการสุขภาพทุกคน ต้องมีการซักประวัติการสูบบุหรี่ ลงบันทึกการวินิจฉัยโรคว่ามีภาวะติดนิโคติน และต้องวางแนวทางการรักษาพยาบาลด้วยวิธีการต่างๆ รวมถึงการให้ครอบครัวผู้ป่วยมีส่วนร่วมด้วย ซึ่งสถานพยาบาลและผู้ให้บริการต้องปฏิบัติตามมาตรฐานใหม่นี้ เพื่อให้ผู้ป่วยที่สูบบุหรี่ทุกคนได้รับการรักษาเพื่อเลิกบุหรี่.

Adblock test (Why?)


สิงห์อมควันอ่วม 5 โรคเรื้อรังแทรก - ไทยรัฐ
Read More

ชลบุรียังน่าห่วง! ติดเชื้อเพิ่ม 1,275 ราย ผล ATK อีก 1,270 คน - ไทยโพสต์

28 ก.พ. 2565 – สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี รายงานว่า วันนี้มีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 1,275 ราย

1.คนที่พักอาศัยในจังหวัดระยอง เข้ามารักษาในจังหวัดชลบุรี 66 ราย สะสม 2,477 ราย และจังหวัดอื่นๆรวมสะสม 614 ราย

2.CLUSTER บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอนซูมเมอร์ โปรดักส์ (ประเทศไทย) จำกัด อ.เมืองชลบุรี 3 ราย สะสม 14 ราย

3.อาชีพเสี่ยงพบปะผู้คนจำนวนมาก 35 ราย

4.บุคลากรทางการแพทย์ 20 ราย

5.ให้ประวัติเดินทางมาจากต่างจังหวัด 11 ราย ดังนี้ จังหวัดเชียงใหม่ 2 ราย จังหวัดสมุทรสาคร 2 ราย กทม. 1 ราย จังหวัดกระบี่ 1 ราย จังหวัดจันทบุรี 1 ราย จังหวัดภูเก็ต 1 ราย จังหวัดสงขลา 1 ราย จังหวัดสมุทรปราการ 1 ราย จังหวัดสุราษฎร์ธานี 1 ราย

6.สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน จากในครอบครัว 260 ราย จากสถานที่ทำงาน 213 ราย บุคคลใกล้ชิด 62 ราย ร่วมวงสังสรรค์ 13 ราย

7.สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน (อยู่ระหว่างสอบสวนโรค) 57 ราย

8.อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 535 ราย

ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 จังหวัดชลบุรี มีผู้ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม 795,995 คน ซึ่งในเดือนนี้ มีผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มแล้ว ติดเชื้อ 5,077 คน (อัตราป่วย 637.82 ต่อแสนประชากร) ผู้ป่วยปอดอับเสบ 1 ราย (0.13 ต่อแสนประชากร), ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 1 ราย (0.13 ต่อแสนประชากร) และไม่มีเสียชีวิต

มีผู้ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม 1,886,544 คน ซึ่งในเดือนนี้ มีผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ติดเชื้อ 9,496 คน (อัตราป่วย 503.35 ต่อแสนประชากร) ผู้ป่วยปอดอับเสบ 20 ราย (1.06 ต่อแสนประชากร), ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 6 ราย (0.32 ต่อแสนประชากร) และเสียชีวิต 7 ราย (0.37 ต่อแสนประชากร)

ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีนเพียง 1 เข็ม 95,869 คน และไม่ได้ฉีดวัคซีนอีก 346,660 คน รวม 442,529 คน ในเดือนนี้พบผู้ติดเชื้อที่ฉีดวัคซีนไม่ครบและยังไม่ได้ฉีดวัคซีน 8,274 คน (อัตราป่วย 1869.71 ต่อแสนประชากร), ผู้ป่วยปอดอับเสบ 21 ราย (4.75 ต่อแสนประชากร), ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 9 ราย (2.03 ต่อแสนประชากร) และเสียชีวิต 20 ราย (4.52 ต่อแสนประชากร).

เพิ่มเพื่อน

Adblock test (Why?)


ชลบุรียังน่าห่วง! ติดเชื้อเพิ่ม 1,275 ราย ผล ATK อีก 1,270 คน - ไทยโพสต์
Read More

สิงห์อมควันไทย 2.6 ล้านคน มีโรคเรื้อรังร่วม 5 โรค ทำรักษายาก โรคแทรกซ้อน-รุนแรง - ข่าวสด - ข่าวสด

สิงห์อมควันไทย 2.6 ล้านคน มีโรคเรื้อรังร่วม 5 โรค ทั้งเบาหวาน ความดัน ปอดอุดกั้น หลอดเลือดหัวใจ และสมอง ทำรักษายาก โรคแทรกซ้อน-รุนแรง

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2565 ศ.นพ.วิชัย เอกพลากร ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี หัวหน้าโครงการการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2562-2563 เปิดเผยว่า จากผลการสำรวจสุขภาพคนไทยพบว่า ผู้สูบบุหรี่ไทยมี 9.9 ล้านคน พบ 27.0% หรือ 2,679,184 คน มีโรคเรื้อรังโรคใดโรคหนึ่งใน 5 โรค คือ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งหากรวมผู้สูบบุหรี่ที่มีโรคเรื้อรังอื่นๆ ทั้งหมด เช่น โรคมะเร็ง โรคสมองเสื่อม วัณโรค สัดส่วนผู้สูบบุหรี่ไทยที่มีโรคเรื้อรังประจำตัวอาจสูงถึง 1 ใน 3 ของผู้สูบบุหรี่ทั้งหมด

ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า แม้จะเป็นเรื่องดีที่อัตราการสูบบุหรี่ในผู้ป่วยโรคเรื้อรังจะต่ำกว่าในประชากรไทยทั่วไป ซึ่งอัตราการสูบบุหรี่ของชายไทยในการสำรวจนี้เท่ากับ 29.5% ผู้ป่วยเบาหวาน 21.0% โรคหัวใจ 16.2% ความดันสูง 27.4% แต่ผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรังประจำตัวทุกโรค การสูบบุหรี่จะทำให้การรักษาโรคที่เป็นอยู่ยากขึ้น เกิดโรคแทรกซ้อนเร็วและรุนแรงขึ้น

ตัวอย่างที่ชัดเจน เช่น คนเป็นโรคเบาหวาน การสูบบุหรี่จะทำให้คุมระดับน้ำตาลได้ยากขึ้น ต้องใช้ยามากขึ้น มีโรคแทรกซ้อน เช่น โรคเส้นเลือดหัวใจหรือสมองตีบ ไตวายเกิดเร็วขึ้น หรือคนที่ความดันสูงแล้วสูบบุหรี่ ต้องใช้ยามากขึ้นในการคุมความดัน และจะเกิดโรคหัวใจ และเส้นเลือดสมองเร็ว ไตวาย และรุนแรงขึ้น

“คนที่มีโรคประจำตัวทุกโรค การเลิกสูบบุหรี่มีความสำคัญที่สุดที่จะลดความรุนแรงของโรค ลดการเกิดโรคแทรกซ้อน ผู้ที่มีโรคประจำตัวทุกชนิด จึงต้องพยายามเลิกบุหรี่ รวมทั้งบุหรี่ไฟฟ้าให้ได้ ขณะที่ครอบครัวต้องช่วย ด้วยการให้กำลังใจผู้สูบบุหรี่ในการที่จะเลิก สิ่งที่สำคัญคือ ผู้สูบบุหรี่และครอบครัวต้องร่วมกันกำหนดให้ไม่มีการสูบบุหรี่ในบ้าน ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ผู้สูบบุหรี่สูบน้อยลง และทำให้เลิกสูบง่ายขึ้น” ศ.นพ.ประกิต กล่าว

ด้าน พญ.ปิยวรรณ ลิ้มปัญญาเลิศ ผู้อำนวยการสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล กล่าวว่า มาตรฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพฉบับใหม่ ที่จะมีผลบังคับใช้เร็ว ๆ นี้ กำหนดให้ผู้ให้บริการสุขภาพทุกคน ต้องมีการซักประวัติการสูบบุหรี่ ลงบันทึกการวินิจฉัยโรคว่ามีภาวะติดนิโคติน และต้องวางแนวทางการรักษาพยาบาลด้วยวิธีการต่างๆ รวมถึงการให้ครอบครัวผู้ป่วยมีส่วนร่วมด้วย ซึ่งสถานพยาบาลและผู้ให้บริการต้องปฏิบัติตามมาตรฐานใหม่นี้ เพื่อให้ผู้ป่วยที่สูบบุหรี่ทุกคนได้รับการรักษาเพื่อเลิกบุหรี่

ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์สูงสุดในการดูแลผู้ป่วย ซึ่งการเลิกสูบบุหรี่จะส่งผลดีต่อสุขภาพทั้งผู้ป่วยด้วยโรคอื่นๆ และผู้ที่ป่วยด้วยโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ จึงขอประชาสัมพันธ์มาตรฐาน HA ใหม่นี้ เพื่อสถานพยาบาลผู้ป่วยและครอบครัวมีความเข้าใจตรงกัน และให้ความร่วมือในการปฏิบัติตามมาตรฐานใหม่

Adblock test (Why?)


สิงห์อมควันไทย 2.6 ล้านคน มีโรคเรื้อรังร่วม 5 โรค ทำรักษายาก โรคแทรกซ้อน-รุนแรง - ข่าวสด - ข่าวสด
Read More

Saturday, February 26, 2022

"หมอมนูญ" เตือนผู้สูงอายุ ฉีดแอสตราฯ 2 เข็ม ติดโอมิครอนยังเสี่ยงเชื้อลงปอด - เดลีนีวส์

This website uses cookies to improve your experience while you navigate through the website. Out of these, the cookies that are categorized as necessary are stored on your browser as they are essential for the working of basic functionalities of the website. We also use third-party cookies that help us analyze and understand how you use this website. These cookies will be stored in your browser only with your consent. You also have the option to opt-out of these cookies. But opting out of some of these cookies may affect your browsing experience.

Adblock test (Why?)


"หมอมนูญ" เตือนผู้สูงอายุ ฉีดแอสตราฯ 2 เข็ม ติดโอมิครอนยังเสี่ยงเชื้อลงปอด - เดลีนีวส์
Read More

Friday, February 25, 2022

ชลบุรีพบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 1,310 ราย เสียชีวิต 2 ราย - ผู้จัดการออนไลน์


สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี รายงานสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันที่ 26 ก.พ.65 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,310 ราย และเสียชีวิต 2 ราย โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. คนที่พักอาศัยในจังหวัดระยอง เข้ามารักษาในจังหวัดชลบุรี 92 ราย สะสม 2,320 ราย และจังหวัดอื่นๆ รวมสะสม 557 ราย

2. CLUSTER บริษัท โฟมเทค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด อ.ศรีราชา 3 ราย สะสม 3 ราย

3. CLUSTER บริษัท มิตซูบิชิ อิเล็คทริค คอนซูมเมอร์ โปรดักส์ (ประเทศไทย) จำกัด อ.เมืองชลบุรี 3 ราย สะสม 11 ราย

4. CLUSTER บริษัท สยาม โคเค็น จำกัด อ.ศรีราชา 3 ราย สะสม 3 ราย

5. CLUSTER บริษัท อัลบาทรอส ลอจิสติกส์ จำกัด อ.ศรีราชา 3 ราย สะสม 3 ราย

6. CLUSTER บริษัท อูซูอิ อินเตอร์เนชั่นแนลคอร์ปอเรชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด อ.พานทอง 3 ราย สะสม 28 ราย

7. CLUSTER บริษัท เอสซีลอร์ ออพติคอล แลบอราทอรี (ประเทศไทย) จำกัด อ.พานทอง 3 ราย สะสม 59 ราย

8. อาชีพเสี่ยงพบปะผู้คนจำนวนมาก 44 ราย

9. บุคลากรทางการแพทย์ 18 ราย

10. ให้ประวัติเดินทางมาจากต่างจังหวัด 14 ราย ดังนี้
10.1 กทม. 5 ราย
10.2 จังหวัดฉะเชิงเทรา 2 ราย
10.3 จังหวัดเพชรบุรี 2 ราย
10.4 จังหวัดชัยนาท 1 ราย
10.5 จังหวัดนครราชสีมา 1 ราย
10.6 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 1 ราย
10.7 จังหวัดมุกดาหาร 1 ราย
10.8 จังหวัดสมุทรปราการ 1 ราย

11. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน
11.1 ในครอบครัว 287 ราย
11.2 จากสถานที่ทำงาน 152 ราย
11.3 บุคคลใกล้ชิด 43 ราย
11.4 ร่วมวงสังสรรค์ 5 ราย

12. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน (อยู่ระหว่างสอบสวนโรค) 73 ราย

13. อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 564 ราย

ณ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 จังหวัดชลบุรี มีผู้ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม 784,896 คน ซึ่งในเดือนนี้ มีผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มแล้ว ติดเชื้อ 4,519
คน (อัตราป่วย 575.75 ต่อแสนประชากร) ไม่มีปอดอับเสบ, ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 1 ราย (0.13 ต่อแสนประชากร) และไม่มีเสียชีวิต

มีผู้ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม 1,884,855 คน ซึ่งในเดือนนี้ มีผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ติดเชื้อ 8,555 คน (อัตราป่วย 453.88 ต่อแสนประชากร) ผู้ป่วยปอดอับเสบ 20 ราย (1.06 ต่อแสนประชากร), ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 5 ราย (0.27 ต่อแสนประชากร) และเสียชีวิต 7 ราย (0.37 ต่อแสนประชากร)

ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีนเพียง 1 เข็ม 95,418 คน และไม่ได้ฉีดวัคซีนอีก 348,880 คน รวม 444,298 คน ในเดือนนี้พบผู้ติดเชื้อที่ฉีดวัคซีนไม่ครบและยังไม่ได้ฉีดวัคซีน 7,064 คน (อัตราป่วย 1,320.45 ต่อแสนประชากร), ผู้ป่วยปอดอับเสบ 19 ราย (4.28 ต่อแสนประชากร), ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 9 ราย (2.03 ต่อแสนประชากร) และเสียชีวิต 17 ราย (3.83 ต่อแสนประชากร)

สำหรับวันนี้ พบผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจรายใหม่ 1 ราย (ไม่พบประวัติการรับวัคซีน), ผู้ป่วยปอดอับเสบรายใหม่ 1 ราย (พบประวัติการรับวัคซีนสองเข็มเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2564), พบผู้เสียชีวิตรายใหม่ 2 ราย (รายที่หนึ่งอายุ 62 ปี, รายที่สองอายุ 71 ปี) สาเหตุที่นำไปสู่การเสียชีวิตคือ เป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัวได้แก่ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (รายที่หนึ่งพบประวัติการรับวัคซีนสองเข็มเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2564, รายที่สองไม่พบประวัติการรับวัคซีน) ดังนั้น การฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ กล่าวคือต้องได้รับการกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดเข็มที่สาม จะช่วยลดความรุนแรงของโควิด-19 ผู้ที่อาศัยในจังหวัดชลบุรี ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือฉีดวัคซีนไม่ครบ มีโอกาสที่จะมีอาการรุนแรงมากกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 และกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ จะมีอาการมากกว่ากลุ่มอื่น

ขณะนี้มีการระบาดเป็นวงกว้างทั้งจังหวัดชลบุรี

ร้านอาหารจำหน่ายสแอลกอฮอล์ ต้องคัดกรองลูกค้าด้วย ATK ทุกคน

ขณะนี้เริ่มมีการระบาดในสถานประกอบการจำนวนมาก พนักงานต้องได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์และเคร่งครัดในมาตรการองค์กร
1. เลิกงานไม่สังสรรค์
2. อาหารต้องไม่ทานใกล้ชิดด้วย
3. ป่วยต้องหยุด
4. จุดสัมผัสร่วม ต้องทำความสะอาดบ่อยๆ เช่น ลูกบิด ราวบันได สแกนนิ้วมือ เซ็นชื่อแล้วต้องล้างมือทันที
5. เคร่งครัดในสุขอนามัยส่วนบุคคล ใส่แมสก์ตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ อยู่ห่างๆกัน

สำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต้องมีการกักตัวอย่างเข้มงวด ไม่ออกไปแพร่เชื้อ

การควบคุมป้องกันการระบาดของโควิด-19 ในจังหวัดชลบุรี อยู่บนพื้นฐานของสมดุลระหว่าง การควบคุมโรค เศรษฐกิจ สังคม

ปัจจัยความเร็วในการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขึ้นกับการเคลื่อนที่นอกบ้านของประชาชน ความใกล้ชิดกัน รวมทั้งระยะเวลาในการใกล้ขิดกัน นอกเหนือจากการไม่เคร่งครัดในสุขอนามัยส่วนบุคคล หากไม่ล้างมือก่อนจับหน้า เชื้อเข้าทางจมูก ปากตา ทำให้มีการติดเชื้อและแพร่ระบาดได้

ในสภาวะการณ์ที่โควิด-19 มีการระบาดในวงกว้าง จนอาจกลายเป็นโรคประจำถิ่น เชื้อไม่ได้หมดสิ่นไป ทำให้มีโอกาสในการติดเชื้อได้ แต่ต้องไม่ให้เกิดการระบาดจนระบบสาธารณสุขรองไม่ได้ และต้องไม่เสียชีวิต ดังนั้นจึงขอความร่วมมือทุกภาคส่วนปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคของจังหวัดชลบุรี

ค้นให้ตรงเป้า เฝ้าให้ตรงจุด ร่วมใจฉีดวัคซีน สู่โรคประจำถิ่น

1.ค้นให้ตรงเป้า ผู้ที่มีอาการไข้หวัด ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้ที่ได้วัคซีนไม่ครบ มีโอกาสเสี่ยงต่อความรุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่นๆ ต้องได้รับการตรวจคัดกรองด้วย ATK

2.เฝ้าให้ตรงจุด สถานที่ที่มีกลุ่มเปาะบาง เสี่ยงค่อความรุนแรงหรือเสี่ยงต่อการควบคุมการระบาดได้ยาก หากเกิดการระบาดขึ้น ต้องได้รับการคัดกรองด้วยATK สม่ำเสมอ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน สถานพักพิงคนพิการ ร้านอาหารจำหน่ายแอลกอฮอล์ ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่เป็นผู้สูงอายุ หรือมีโรคประจำตัว

3.ร่วมใจฉีดวัคซีน วัคซีนลดความรุนแรงของโควิด-19 ได้ 100% แต่ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว ยังคงสามารถติดเชื้อโควิด-19 ได้ ยังคงต้องมีสุขอนามมัยส่วนบุคคล ขอความร่วมมือทุกท่านในการฉีดวัคซีน เพื่อลดความเร็วในการระบาด และลดความรุนแรงของโควิด-19 โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประตำตัว ขณะนี้ยังคงมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว และเป็นผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีน

4.สู่โรคประจำถิ่น เชื้อโควิด-19 ได้ลดความรุนแรงลง และเข้าเป็นโรคประจำถิ่น ในที่สุด ทุกคนป้องกันตัวเองตามมาตรการ univeral protection ยังคงเคร่งครัดในสุขอนามัยส่วนบุคคล โดยเฉพาะช่วงที่กำลังมีการระบาดในวงกว้าง เพื่อชลอการระบาดไม่ให้รวดเร็วเกินไป ให้ดำเนินการตามมาตรการ คัดการด้วย ATK ก่อน และสามารถแยกกักที่บ้านได้หากไม่มีอาการและไม่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุหรือมีโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อความรุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่นๆ

การควบคุมป้องกันการระบาดของโควิด-19 เป็นหน้าที่ของทุกคน

Adblock test (Why?)


ชลบุรีพบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 1,310 ราย เสียชีวิต 2 ราย - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

สวพ. FM 91 สถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัยและการจราจร - สวพ. FM 91 สถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัยและการจราจร

26 ก.พ. 2565 | 05:44:43

( 25 ก.พ.65 )  นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันยังไม่ทราบถึงสาเหตุและพยาธิสภาพของการเกิดภาวะ Long COVID ที่ชัดเจน มีเพียงสมมติฐาน ที่คาดว่า อาจเกี่ยวข้องกับชิ้นส่วนของเชื้อ ซึ่งไม่ส่งผลต่อการติดเชื้อแล้วแต่สามารถส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดการอักเสบในระบบต่างๆ ของร่างกาย ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะนี้ ยังไม่แน่ชัดมีข้อสังเกตที่พบในหลายๆ การศึกษา อาทิ เพศหญิง อายุมาก ภาวะอ้วน มีโรคประจำตัว มีอาการมากกว่า 5 อาการในช่วง 1 สัปดาห์แรก ของการเจ็บป่วย และความรุนแรงของโรคมากในระยะแรกเป็นต้น 

ความชุกของอาการผิดปกติต่างๆ ในภาวะ Long COVID จากผลการศึกษาในต่างประเทศ พบหลากหลายตั้งแต่ร้อยละ14-64 เนื่องจากมีความไม่ชัดเจนของนิยาม ขาดองค์ความรู้ด้านพยาธิสภาพ ปัจจัยเสี่ยง และ การวินิจฉัย รวมทั้งวิธีการประเมินอาการผิดปกติที่แตกต่างกัน

จากการสำรวจผลกระทบระยะยาวต่อสุขภาพของผู้ที่เคยป่วยเป็นโควิด-19 ของกรมการแพทย์ ผ่านทางเว็บไซต์กรมการแพทย์ ซึ่งเป็นข้อมูลในผู้ใหญ่ พบว่าอาการ long covid ส่วนใหญ่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง อาการที่พบบ่อย 10 อันดับแรก ได้แก่  อ่อนเพลีย หายใจลำบาก/หอบเหนื่อย ไอ  นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ ผมร่วง เวียนศีรษะ วิตกกังวล/ เครียด ความจำสั้น เจ็บหน้าอก

ด้านนายแพทย์อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า กลุ่มอาการนี้เริ่มมีการรายงานครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2563 ที่ประเทศอังกฤษ หลังจากนั้นมีรายงานที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนใหญ่พบในเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง  พบได้ในเด็กทุกกลุ่มอายุ อายุโดยเฉลี่ย 8-10 ปี อุบัติการณ์ประมาณร้อยละ 0.03 ของผู้ป่วยเด็กที่ติดเชื้อโควิดทั้งหมด เด็กมักจะมาด้วยอาการไข้สูง ผื่น ปากแดง ตาแดง ต่อมน้ำเหลืองโต อาเจียน ถ่ายเหลว บางรายมีหอบเหนื่อย ปอดอักเสบ และมีภาวะช็อคจากการทำงานของหัวใจที่ผิดปกติ ผู้ป่วยเด็กมากกว่าร้อยละ 50 จำเป็นต้องรักษาในหอผู้ป่วยเด็กวิกฤตเนื่องจากภาวะช็อค ภาวะนี้มีอันตรายถึงชีวิตได้ อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3 สามารถรักษาด้วยการให้อิมมูโนกลอบูลินและสเตียรอยด์ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักตอบสนองต่อการรักษาดี ในสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีพบผู้ป่วยที่มาด้วยภาวะนี้จำนวน 15 คน ซึ่งยังไม่พบผู้เสียชีวิต แต่ยังต้องติดตามการรักษาต่อเนื่องโดยพบว่าร้อยละ 7-14 ยังมีการทำงานของหัวใจที่ผิดปกติ นอกจากนี้ทางสถาบันฯ ยังมีโครงการตรวจติดตามผู้ป่วยเด็กติดเชื้อโควิดที่เข้ารับการรักษาที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีเป็นระยะๆ จากการติดตามในทุกระบบของร่างกายยังไม่พบภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงและสถาบันฯ ยังคงติดตามดูแลเด็กอย่างต่อเนื่อง 

Multisystem Inflammatory Syndrome in Children (MIS-C) คือ กลุ่มอาการอักเสบหลายระบบที่เป็นภาวะแทรกซ้อนรุนแรงหลังเด็กหายจากการติดเชื้อโควิด-19 เริ่มมีอาการได้ตั้งแต่ระยะหายจากโรคจนถึงหลังติดเชื้อ 2 – 6 สัปดาห์ สาเหตุเชื่อว่าเกิดจากการตอบสนองของภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสนี้มากเกินไป 

ภาวะ Long COVID เป็นอาการผิดปกติเกิดขึ้นใหม่หรือต่อเนื่องภายหลังการติดเชื้อโควิด-19 ส่วนมากตั้งแต่ 3 เดือนนับจากวันตรวจพบเชื้อ และมีอาการต่อเนื่องอย่างน้อย 2 เดือน โดยอาการเกิดขึ้นได้หลายระบบอย่างต่อเนื่อง หลังได้รับติดเชื้อโควิดนานกว่า 4-12 สัปดาห์และอาการที่เกิดขึ้นไม่สามารถ อธิบายได้ด้วยการวินิจฉัยสาเหตุอื่นๆ ในเด็กพบภาวะนี้เพียงร้อยละ 25-45 ซึ่งระบบที่พบ ได้แก่ ระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบประสาท ระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น ภาวะเหล่านี้มักไม่รุนแรงแต่เรื้อรัง อาการจะเป็นๆหายๆได้ การรักษาโรคนี้มักเป็นการแยกโรคที่รุนแรงอื่นและรักษาตามอาการ รวมถึงการติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง  
 


Share this:

Adblock test (Why?)


สวพ. FM 91 สถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัยและการจราจร - สวพ. FM 91 สถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัยและการจราจร
Read More

ลูกติดโควิดทำอย่างไรดี วิธีดูแลเด็กเล็กที่บ้าน เมื่อติดโควิด-19 - TrueID - Women

      เรียกว่าสถานการณ์โควิด-19 สำหรับสายพันธุ์ไอมิครอนกำลังเป็นที่น่ากังวลค่ะ เพราะกลุ่มผู้ติดเชื้อเริ่มมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็กที่เริ่มมีการติดเชื้อโควิด-19 จากคนในครอบครัว ซึ่งอาการติดเชื้อที่พบตั้งแต่ไม่มีอาการ จนถึงมีอาการรุนแรง เช่น ปอดอักเสบ โดยกลุ่มเสี่ยงที่พบอาการรุนแรงคือเด็กทารกและเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 5 ปี 

     สำหรับเด็กที่ติดโควิด-19 และมีอาการเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีอาการ สามารถเลือกรับการรักษาแบบ Home Isolation (HI) ได้ แต่จะต้องมีพ่อแม่ หรือผู้ปกครองที่สามารถดูและประเมินอาการให้เด็กได้ตลอดเวลา ซึ่งสำหรับคุณพ่อคุณแม่คนไหนที่ มาดูกันค่ะว่าจะต้องเตรียมอุปกรณ์หรือรับมือย่างไรบ้าง

ระดับอาการของเด็ก เมื่อติดโควิด-19

     ระดับอาการของเด็กแบ่งเป็น 2 แบบ

  • แบบที่ 1 มีไข้ต่ำ มีน้ำมูก มีอาการไอเล็กน้อย ไม่มีอาการหอบเหนื่อย ถ่ายเหลว ยังคงกินอาหารหรือนมได้ปกติ และไม่ซึม เป็นอาการในระดับที่สามารถเฝ้าสังเกตที่บ้านต่อไปได้
  • แบบที่ 2 มีไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียส หายใจหอบเร็วกว่าปกติ ใช้แรงในการหายใจ ปากเขียว ระดับออกซิเจนปลายนิ้วน้อยกว่า 94 เปอร์เซ็นต์ ซึมลง ไม่ดูดนม และไม่กินอาหาร ซึ่งหากมีอาการเหล่านี้ผู้ปกครองควรติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อนำเด็กส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว

อุปกรณ์ที่ต้องมีติดบ้าน เมื่อลูกติดโควิด

  • ปรอทวัดไข้
  • เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว
  • อุปกรณ์ที่สามารถถ่ายภาพหรือคลิปวีดีโออาการของเด็กได้
  • โทรศัพท์เพื่อติดต่อกับสถานพยาบาลหากมีเหตุจำเป็น
  • ยาสามัญประจำบ้านเพื่อบรรเทาอาการ ได้แก่ ยาลดไข้ เช่นพาราเซตามอล ยาแก้ไอ ยาลดน้ำมูก และเกลือแร่

วิธีดูแลเด็กเล็กที่บ้าน เมื่อติดโควิด-19

1. พ่อแม่หรือผู้ปกครองต้องคอยสังเกตอาการโดยรวมของเด็กอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
2. พ่อแม่หรือผู้ปกครองต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา
3. พ่อแม่หรือผู้ปกครองล้างมืออย่างถูกวิธี หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา ปาก จมูก ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับเด็กที่ติดเชื้อ
4. ทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสในห้องเป็นระยะด้วยแอลกอฮอล์ความเข้มข้น 70 เปอร์เซ็นต์ หรือน้ำยาทำความสะอาดที่สามารถกำจัดเชื้อโควิด-19
5. หากเด็กมีภาวะข้อใดข้อหนึ่ง เช่น อาการหายใจหอบ มีการใช้แรงในการหายใจ เช่น หายใจอกบุ๋ม ชายโครงบุ๋ม หรือปีกจมูกบาน ระดับออกซิเจนปลายนิ้วน้อยกว่า 94 เปอร์เซ็นต์ ริมฝีปาก เล็บ หรือปลายมือปลายเท้าเขียวคล้ำ ซึมลง ไม่ดูดนม กินไม่ได้ เพลีย ไม่มีมีแรง หรือมีไข้ตั้งแต่ 39 องศาเซลเซียสขึ้นไปให้รีบส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด

ขอบคุณข้อมูลจาก :

Adblock test (Why?)


ลูกติดโควิดทำอย่างไรดี วิธีดูแลเด็กเล็กที่บ้าน เมื่อติดโควิด-19 - TrueID - Women
Read More

Thursday, February 24, 2022

โควิดชลบุรี! ติดเชื้อเพิ่ม 1419 ราย เสียชีวิต 2 ราย - หนังสือพิมพ์แนวหน้า

วันศุกร์ ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565, 07.36 น.

เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี สสจ.ชลบุรี รายงานว่า วันนี้มีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 1,419 ราย

1. คนที่พักอาศัยในจังหวัดระยอง เข้ามารักษาในจังหวัดชลบุรี 64 ราย สะสม 2,227 ราย และจังหวัดอื่นๆรวมสะสม 507 ราย


2. CLUSTER บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด อ.พานทอง 3 ราย สะสม 27 ราย

3. CLUSTER บริษัท ฟูจิตสึ เจเนอรัล (ประเทศไทย) จำกัด อ.ศรีราชา 3 ราย สะสม 110 ราย

4. CLUSTER บริษัท วิศวกิจพัฒนา จำกัด อ.ศรีราชา 3 ราย สะสม 18 ราย

5. อาชีพเสี่ยงพบปะผู้คนจำนวนมาก 40 ราย

6. บุคลากรทางการแพทย์ 29 ราย

7. ให้ประวัติเดินทางมาจากต่างจังหวัด 24 ราย ดังนี้ 7.1 จังหวัดฉะเชิงเทรา 4 ราย 7.2 กทม. 3 ราย 7.3 จังหวัดเชียงใหม่ 3 ราย 7.4 จังหวัดแม่ฮ่องสอน 2 ราย 7.5 จังหวัดศรีสะเกษ 2 ราย 7.6 จังหวัดสมุทรปราการ 2 ราย 7.7 จังหวัดกาญจนบุรี 1 ราย 7.8 จังหวัดขอนแก่น 1 ราย 7.9 จังหวัดชัยนาท 1 ราย 7.10 จังหวัดเชียงราย 1 ราย 7.11 จังหวัดนครนายก 1 ราย 7.12 จังหวัดนนทบุรี 1 ราย 7.13 จังหวัดราชบุรี 1 ราย 7.14 จังหวัดสุพรรณบุรี 1 ราย

8. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน 8.1 ในครอบครัว 289 ราย 8.2 จากสถานที่ทำงาน 235 ราย 8.3 บุคคลใกล้ชิด 89 ราย 8.4 ร่วมวงสังสรรค์ 12 ราย

9. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน (อยู่ระหว่างสอบสวนโรค) 58 ราย

10. อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 570 ราย

ณ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 จังหวัดชลบุรี มีผู้ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม 775,421 คน ซึ่งในเดือนนี้ มีผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มแล้ว ติดเชื้อ 4,218 คน (อัตราป่วย 543.96 ต่อแสนประชากร) ไม่มีปอดอับเสบ, ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 1 ราย (0.13 ต่อแสนประชากร) และไม่มีเสียชีวิต มีผู้ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม 1,883,519 คน ซึ่งในเดือนนี้ มีผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ติดเชื้อ 8,142 คน (อัตราป่วย 432.28 ต่อแสนประชากร) ผู้ป่วยปอดอับเสบ 19 ราย (1.01 ต่อแสนประชากร), ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 5 ราย (0.27 ต่อแสนประชากร) และเสียชีวิต 6 ราย (0.32 ต่อแสนประชากร)

ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีนเพียง 1 เข็ม 93,521 คน และไม่ได้ฉีดวัคซีนอีก 352,033 คน รวม 445,554 คน ในเดือนนี้พบผู้ติดเชื้อที่ฉีดวัคซีนไม่ครบและยังไม่ได้ฉีดวัคซีน6,468 คน (อัตราป่วย 1,320.45 ต่อแสนประชากร), ผู้ป่วยปอดอับเสบ 19 ราย (4.26 ต่อแสนประชากร), ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 8 ราย (1.80 ต่อแสนประชากร) และเสียชีวิต 16 ราย (3.59 ต่อแสนประชากร)

สำหรับวันนี้ พบผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจรายใหม่ 1 ราย (พบประวัติการรับวัคซีนสองเข็มเมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2564), ผู้ป่วยปอดอับเสบรายใหม่ 1 ราย (พบประวัติการรับวัคซีนสองเข็มเมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2564), พบผู้เสียชีวิตรายใหม่ 2 ราย (รายที่หนึ่งอายุ 51 ปี, รายที่สองอายุ 55 ปี) สาเหตุที่นำไปสู่การเสียชีวิตคือ การมีโรคประจำตัวได้แก่ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง (รายที่หนึ่งพบประวัติการรับวัคซีนสองเข็มเมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2564, รายที่สองไม่พบประวัติการรับวัคซีน)

- 006

Adblock test (Why?)


โควิดชลบุรี! ติดเชื้อเพิ่ม 1419 ราย เสียชีวิต 2 ราย - หนังสือพิมพ์แนวหน้า
Read More

แพทย์ชี้ผู้ติดเชื้อโควิดในไทย อาจถึง 8.5 หมื่นคนต่อวัน | workpointTODAY - workpointTODAY

Adblock test (Why?)


แพทย์ชี้ผู้ติดเชื้อโควิดในไทย อาจถึง 8.5 หมื่นคนต่อวัน | workpointTODAY - workpointTODAY
Read More

ยาไม่ใช่ขนม!! ย้ำ “โควิด” ไร้อาการ ไม่ต้องใช้ฟาวิพิราเวียร์ จ่ายเท่าที่จำเป็นตามดุลพินิจหมอ หวั่นทำตับอักเสบ - ผู้จัดการออนไลน์



สธ.ย้ำจ่าย ยาฟาวิพิราเวียร์” ผู้ป่วยโควิดที่มีอาการ ชี้ยาไม่ใช่ขนม จ่ายยาเท่าที่จำเป็นตามดุลพินิจแพทย์ ระบุโอมิครอนส่วนใหญ่ไม่มีอาการ ไม่จำเป็นต้องรับยา หรือรักษาตามอาการได้ ชี้ ฟาวิฯ มีผลข้างเคียง ทั้งตับอักเสบ ตาเรืองแสง ยิ่งไม่ควรกินคู่ฟ้าทะลายโจร ยิ่งทำผลข้างเคียงมากขึ้น

เมื่อวันที่ 24 ก.พ. นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความจำเป็นเรื่องยาฟาวิพิราเวียร์ ในกลุ่มโควิดที่ไม่มีอาการ ว่า ขณะนี้มีการปรับการดูแลรักษา โดยหากไม่มีอาการก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ ซึ่งไปตามลักษณะของทั่วโลก โดยเราจะจ่ายให้กับผู้ที่มีอาการปานกลางขึ้นไป เป็นไกด์ไลน์ใหม่ของกรมการแพทย์

เมื่อถามถึงผู้ติดเชื้อไม่มีอาการแต่อยากได้ยาฟาวิพิราเวียร์ นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า การจ่ายยาขอให้แพทย์เป็นผู้พิจารณา และทำความเข้าใจกับคนไข้ ยาคือยา ต่างจากขนม ยาทานเข้าไปแล้วก็มีผลดี ผลข้างเคียงและผลเสีย จึงต้องรับประทานที่จำเป็นจริงๆ เราน่าจะเป็นการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์มากที่สุดแห่งหนึ่ง เพราะเราใช้หลายสิบล้านเม็ด แต่ต้องพิจารณาข้อดีข้อเสีย

ด้าน นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์กล่าวว่า การที่ให้รักษา HI First เพราะเราฉีดวัคซีนเยอะกว่า 80% คนเฝ้าระวัง ใส่ใจตัวเองมากขึ้น โรคก็เบาลง โดยจะมีเครื่องมือ อุปกรณ์ อาหาร ยาไปดูแล แพทย์ติดตามอาการทุกวัน โดยย้ำว่าไม่มีอาการไม่ต้องรับยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์ หากมีอาการหรือความเสี่ยงจะอยู่ที่ดุลพินิจของแพทย์ ส่วนกรณีมีอาการเปลี่ยนแปลง เช่น ไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียส นานเกิน 24 ชั่วโมง หายใจเร็วเกิน 25 ครั้งต่อนาทีในผู้ใหญ่ ออกซิเจนในเลือดต่ำกว่า 94% บางคนมีโรคร่วม เช่น โรคไต หัวใจ ความดัน อาการกำเริบ กลุ่มนี้ก็จะพิจารณานำเข้า รพ. ส่วนเด็กเล็กสังเกตอาการยากขึ้น วัดออกซิเจนปลายนิ้วอาจลำบาก เพราะอุปกรณ์ไม่พอดี ให้ดูการหายใจลำบาก ไม่กินนม ไม่กินข้าว ซึมลง ซึ่งกรณีมีอาการฉุกเฉินสามารถโทร. 1669 ได้

“ย้ำว่า ไม่มีอาการไม่ต้องรับยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์ ทุกวันนี้มีการเข้าใจผิด มีประชาชนและจิตอาสามาขอยาให้ประชาชน อยากบอกว่าแนวทางการรักษาในปัจจุบันออกมาว่า ผู้ป่วยไม่มีอาการไม่จำเป็นต้องได้ยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์ หากมีอาการหรือความเสี่ยงก็อีกเรื่อง แต่อาจพิจารณาให้ฟ้าทะลายโจรได้ แต่หากรับฟ้าทะลายโจรแล้วก็ไม่ควรรับฟาวิพิราเวียร์มารับประทานร่วมกัน อาจเกิดภาวะตับอักเสบได้ ถ้าอาการมากขึ้นจะมียาตัวอื่น หรือส่งเข้า รพ.รักษาตามระบบตามปกติ” นพ.ณัฐพงศ์กล่าว

นพ.ณัฐพงศ์ กล่าวว่า ข้อบ่งชี้การรับยานั้น ถ้าผู้ป่วยไม่มีอาการเลย ไม่จำเป็นต้องรับยา ถ้ามีอาการแม้แต่เล็กน้อย จะเป็นดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา ว่าจำเป็นมากน้อยแค่ไหน บางท่านเสี่ยงแพ้ยาได้ หรืออาการข้างเคียงจากการกินยาร่วมกัน โดยผู้ป่วยปอดบวมควรได้ยา แต่ถ้ายาตัวใดตัวหนึ่งอาจมีอาการข้างเคียงก็จะเปลี่ยนอีกตัวหนึ่ง อย่างคนท้องเราไม่ให้ฟาวิพิราเวียร์ ต้องเป็นเรมดิซีเวียร์ ถ้ามีอาการดุลยพินิจของแพทย์ เช่น ไข้ไอเหนื่อยหอบเหมือนมีปอดบวม 3 วันไข้ไม่ลง ถือว่ามีข้อบ่งชี้

เมื่อถามว่า ผู้ติดเชื้อโควิดที่ไม่มีอาการ แล้วรับยาฟาวิพิราเวียร์จะส่งผลอย่างไร นพ.ณัฐพงศ์ กล่าวว่า การกินยาฟาวิพิราเวียร์มีโอกาสเกิดผลข้างเคียง ที่กลัวคือ ตับอักเสบ แม้จะไม่เกิดขึ้นมาก แต่ก็เกิดได้ รวมถึงกรณีที่มีดวงตาเปลี่ยนเป็นสีฟ้า ฉะนั้น หากไม่มีอาการก็ไม่มีความจำเป็น ยิ่งกินคู่กับฟ้าทะลายโจรทำให้มีอาการขึ้นมา ฉะนั้น ต้องซักประวัติก่อนว่า รับยาฟ้าทะลายโจรมาแล้วหรือไม่ ต้องหยุดก่อน ไม่กินคู่กัน

เมื่อถามว่า ผู้ติดเชื้อกลุ่มเขียวที่ไม่ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์มีโอกาสที่อาการจะมากขึ้นหรือไม่ นพ.ณัฐพงศ์ กล่าวว่า สำหรับคนไม่มีอาการและไม่ได้รับยา ถ้าแพทย์วินิจฉัยเร็วก็ต้องรอดูอาการอีก 2-3 วัน หากยังไม่มีอาการ ก็ไม่จำเป็นต้องรับยาฟาวิราเวียร์ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ไปมาก ทำให้คนเข้าใจว่าต้องกินยา คนเรียกร้องเข้ามาผ่าน 1330 เพราะต้องการยา ทั้งที่ไม่มีความจำเป็น ซึ่งยังเน้นย้ำว่า หากเป็นอาการเล็กน้อยให้รักษาตามอาการ ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดหายเองได้ ไวรัสวันนี้เหมือนไข้หวัด แต่ที่ผ่านมา เดลตามีความรุนแรง ไม่มีภูมิต้านทาน ก็ลงปอด ยิ่งมีโรคประจำตัว ก็แย่ลง พอติดเชื้อแจ้งเข้ามาส่วนใหญ่ก้มีอาการจึงจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ แต่ช่วงนี้โรคมีความรุนแรงลดลง ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ พอมี ATK ก้ตรวจรู้ผลเร็ว ไม่มีอาการ จึงไม่ได้จ่ายยา

Adblock test (Why?)


ยาไม่ใช่ขนม!! ย้ำ “โควิด” ไร้อาการ ไม่ต้องใช้ฟาวิพิราเวียร์ จ่ายเท่าที่จำเป็นตามดุลพินิจหมอ หวั่นทำตับอักเสบ - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

เร่งฉีดวัคซีน "เข็มกระตุ้น" ให้คนแก่ช่วยลดเสียชีวิตได้ 41 เท่า - สยามรัฐ

หลังพบผู้สูงอายุมีอัตราเสียชีวิตจากโควิด-19 สูงสุด เกินครึ่งไม่ได้ฉีดวัคซีน เร่งค้นหาและรณรงค์ฉีดวัคซีนก่อนลูกหลานกลับบ้านช่วงสงกรานต์ ชี้ฉีดครบ 2 เข็ม ลดอัตราตาย 4 เท่า ฉีดเข็มกระตุ้นลดอัตราตาย 41 เท่า ขณะที่ยอดป่วยหนักอาจเพิ่มขึ้น หลังมีการติดเชื้อสูงขึ้น ย้ำงดเข้าสถานที่เสี่ยง รวมกลุ่ม ชะลอการเดินทาง

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ขณะนี้การติดเชื้อพบในทุกวัย จำนวนมากสุดเป็นวัยทำงาน ไปสถานบันเทิงหรือสถานที่เสี่ยง และมาแพร่ต่อในชุมชนและครัวเรือน ซึ่งการระบาดของโอไมครอนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 กลุ่มที่ติดเชื้อสูงสุด คืออายุ 20-29 ปี ขณะที่กลุ่มอายุน้อยกว่า 19 ปีลงมา มีแนวโน้มติดเชื้อสูงขึ้น ส่วนผู้สูงอายุมีอัตราการติดเชื้อต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่มอายุอื่น แต่มีอัตราการเสียชีวิตสูงสุด โดยกลุ่มอายุ 70 ปีขึ้นไป อัตราเสียชีวิต 2.86% และอัตราเสียชีวิตจะลดลงตามช่วงอายุลงไป ซึ่งข้อมูลผู้เสียชีวิตอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 18 กุมภาพันธ์ 2565 จำนวน 666 ราย พบว่าไม่ได้ฉีดวัคซีน 387 ราย หรือ 58% จึงจำเป็นต้องเร่งฉีดวัคซีนผู้สูงอายุ โดยเฉพาะที่ยังไม่ได้รับวัคซีน และให้วัคซีนเข็มกระตุ้นกับผู้ที่ฉีดครบแล้ว 2 เข็มนานกว่า 3-6 เดือน

ทั้งนี้จากข้อมูลช่วงเวลาเดียวกันยืนยันว่าการรับวัคซีนโควิดจะช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ดีมาก จากข้อมูลผู้สูงอายุที่ยังไม่ได้รับวัคซีน 2.2 ล้านคน เสียชีวิต 387 ราย อัตราเสียชีวิตสูงถึง 178 รายต่อล้านคน รับวัคซีน 1 เข็ม มี 6 แสนราย เสียชีวิต 66 ราย อัตราเสียชีวิต 112 รายต่อล้านคน ลดลงเล็กน้อย แต่รับวัคซีน 2 เข็ม 6.2 ล้านราย เสียชีวิต 197 ราย อัตราเสียชีวิตลดลงเหลือ 32 รายต่อล้านคน หรือลดลง 6 เท่าจากผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน และกรณีรับเข็มกระตุ้นแล้วมี 3.7 ล้านราย เสียชีวิต 16 ราย อัตราเสียชีวิตลดลงเหลือ 4 รายต่อล้านคน หรือเสี่ยงลดลงถึง 41 เท่าเทียบกับผู้สูงอายุที่ยังไม่ได้รับวัคซีน

ด้านนพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์กล่าวว่า ขณะนี้ทั่วประเทศมีเตียงรักษาโควิด 1.8 แสนเตียง อัตราครองเตียง 50% ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอาการสีเขียว ดังนั้น ยังมีเตียงรองรับกลุ่มอาการหนัก อย่างไรก็ตาม ต้องทำความเข้าใจการเข้าสู่ระบบรักษาพยาบาลหลังติดเชื้อ โดยผู้ที่มีอาการหรือเป็นโรคอื่นแล้วไปตรวจที่โรงพยาบาลและพบผลบวก จะจัดเข้าระบบรักษาที่บ้าน (HI) หรือโรงพยาบาลตามระดับอาการ, กรณีตรวจ ATK ด้วยตนเองแล้วผลบวก ไม่ต้องตรวจ RT-PCR ซ้ำ ให้โทรสายด่วน 1330 เข้าระบบได้เลย หากไม่มีอาการจะจัดเข้า HI ก่อน หากทำไม่ได้จะจัดเข้าสู่ศูนย์พักคอย (CI) แต่หากมีอาการมากขึ้นโรงพยาบาลที่ดูแลจะส่งไปศูนย์จัดหาเตียงและเข้าโรงพยาบาลหลักต่อไป หรือโทรประสาน 1669 หากมีอาการฉุกเฉิน

ส่วนผู้ที่มีผล ATK เป็นบวก แต่ต้องการมาตรวจที่โรงพยาบาล หากมาคลินิกทางเดินหายใจ พยาบาลจะคัดกรองผล ATK ว่าเชื่อถือได้หรือไม่ หากเชื่อถือได้จะประเมินอาการเพื่อเข้าระบบรักษาต่อไป หากผลเชื่อถือไม่ค่อยได้ จะตรวจด้วย ATK แบบ Professional Use ไม่ได้ทำ RT-PCR เนื่องจากใช้เวลานานในการรอ อาจมีโอกาสรับเชื้อหรือแพร่เชื้อให้คนอื่น และกรณีมีอาการแต่ไม่ได้ทำ ATK หากเดินทางมาคลินิกทางเดินหายใจ แพทย์จะประเมินความเสี่ยง อาจให้ตรวจ ATK หรือบางรายจำเป็นต้องทำ RT-PCR เช่น เป็นกลุ่มเสี่ยงมาก หรือต้องนอนรักษาในโรงพยาบาล

ในขณะที่นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวว่า การดูสถานการณ์โควิด-19 ต่อจากนี้จะเน้นที่ผู้ป่วยอาการหนักและเสียชีวิตเป็นหลัก ซึ่งสถานการณ์ของไทยอยู่ในช่วงขาขึ้นจากสายพันธุ์โอไมครอน โดยในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา การติดเชื้อเฉลี่ย 14 วัน เพิ่มขึ้นประมาณ 70% จากการผ่อนคลายมาตรการมากขึ้น และประชาชนบาส่วนไม่ได้เคร่งครัดป้องกันตนเองเท่าเดิม สำหรับผู้ป่วยปอดอักเสบ ใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 2 เท่า ตามการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น แต่เมื่อเทียบกับการติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาช่วงที่มีผู้ติดเชื้อเท่าๆ กัน พบว่าการเสียชีวิตต่ำกว่าถึง 10 เท่า เนื่องจากสายพันธุ์โอไมครอน รุนแรงน้อยกว่า แต่หากมีการติดเชื้อจำนวนมาก อาจแพร่มาสู่คนที่มีโรคประจำตัวหรือไม่ได้ฉีดวัคซีน ทำให้มีอาการรุนแรงและมีโอกาสเสียชีวิตได้ ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขจึงยังคงประกาศเตือนภัยระดับ 4 ขอให้ประชาชนดูแลป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อ งดเข้าสถานที่เสี่ยงทั้งหมด คือ สถานที่ปิดทึบ ไม่มีการระบายอากาศ มีคนหนาแน่น ถอดหน้ากากรับประทานร่วมกันเป็นเวลานาน และไม่มีการตรวจคัดกรอง ATK นอกจากนี้ ขอให้เลี่ยงการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก และชะลอการเดินทางในทุกจังหวัด ส่วนกลุ่มเสี่ยง 608 ต้องรับวัคซีน

Adblock test (Why?)


เร่งฉีดวัคซีน "เข็มกระตุ้น" ให้คนแก่ช่วยลดเสียชีวิตได้ 41 เท่า - สยามรัฐ
Read More

เตือนผลข้างเคียง ฟาวิพิราเวียร์ สธ.ย้ำไม่มีอาการ ไม่ต้องรับยา ส่วนใหญ่หายเองได้ - ข่าวสด

เตือนผลข้างเคียง ฟาวิพิราเวียร์ ห้ามกินคู่ฟ้าทะลายโจร สธ.ย้ำไม่มีอาการ ไม่ต้องรับยา ส่วนใหญ่หายเองได้ ให้จ่ายเท่าที่จำเป็น หวั่นตับอักเสบ

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

จ่ายยาเท่าที่จำเป็นตามดุลยพินิจแพทย์ ระบุโอมิครอนส่วนใหญ่ไม่มีอาการ ไม่จำเป็นต้องรับยา หรือรักษาตามอาการได้ ชี้ฟาวิฯ มีผลข้างเคียง ทั้งตับแกเสบ ตาเรืองแสง ยิ่งไม่ควรกินคู่ฟ้าทะลายโจร ยิ่งทำผลข้างเคียงมากขึ้น

เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความจำเป็นเรื่องยาฟาวิพิราเวียร์ในกลุ่มโควิดที่ไม่มีอาการ ว่า ขณะนี้มีการปรับการดูแลรักษา โดยหากไม่มีอาการก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ ซึ่งไปตามลักษณะของทั่วโลก โดยเราจะจ่ายให้กับผู้ที่มีอาการปานกลางขึ้นไป เป็นไกด์ไลน์ใหม่ของกรมการแพทย์

เมื่อถามถึงผู้ติดเชื้อไม่มีอาการแต่อยากได้ยาฟาวิพิราเวียร์ นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า การจ่ายยาขอให้แพทย์เป็นผู้พิจารณา และทำความเข้าใจกับคนไข้ ยาคือยา ต่างจากขนม ยาทานเข้าไปแล้วก็มีผลดี ผลข้างเคียงและผลเสีย จึงต้องรับประทานที่จำเป็นจริงๆ เราน่าจะเป็นการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์มากที่สุดแห่งหนึ่ง เพราะเราใช้หลายสิบล้านเม็ด แต่ต้องพิจารณาข้อดีข้อเสีย

ด้าน นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า การที่ให้รักษาระบบแยกกักตัวที่บ้านเป็นอันดับแรก (HI First) เพราะเราฉีดวัคซีนเยอะกว่า 80% คนเฝ้าระวัง ใส่ใจตัวเองมากขึ้น โรคก็เบาลง โดยจะมีเครื่องมือ อุปกรณ์ อาหาร ยาไปดูแล แพทย์ติดตามอาการทุกวัน โดยย้ำว่าไม่มีอาการไม่ต้องรับยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์ หากมีอาการหรือความเสี่ยงจะอยู่ที่ดุลยพินิจของแพทย์

ส่วนกรณีมีอาการเปลี่ยนแปลง เช่น ไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียสนานเกิน 24 ชั่วโมง หายใจเร็วเกิน 25 ครั้งต่อนาทีในผู้ใหญ่ ออกซิเจนในเลือดต่ำกว่า 94% บางคนมีโรคร่วม เช่น โรคไต หัวใจ ความดัน อาการกำเริบ กลุ่มนี้ก็จะพิจารณานำเข้า รพ. ส่วนเด็กเล็กสังเกตอาการยากขึ้น วัดออกซิเจนปลายนิ้วอาจลำบาก เพราะอุปกรณ์ไม่พอดี ให้ดูการหายใจลำบาก ไม่กินนม ไม่กินข้าว ซึมลง ซึ่งกรณีมีอาการฉุกเฉินสามารถโทร 1669 ได้

“ย้ำว่าไม่มีอาการไม่ต้องรับยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์ ทุกวันนี้มีการเข้าใจผิด มีประชาชนและจิตอาสามาขอยาให้ประชาชน อยากบอกว่าแนวทางการรักษาในปัจจุบันออกมาว่า ผู้ป่วยไม่มีอาการไม่จำเป็นต้องได้ยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์ หากมีอาการหรือความเสี่ยงก็อีกเรื่อง แต่อาจพิจารณาให้ฟ้าทะลายโจรได้ แต่หากรับฟ้าทะลายโจรแล้วก็ไม่ควรรับฟาวิพิราเวียร์มารับประทานร่วมกัน อาจเกิดภาวะตับอักเสบได้ ถ้าอาการมากขึ้นจะมียาตัวอื่น หรือส่งเข้า รพ.รักษาตามระบบตามปกติ”

นพ.ณัฐพงศ์ กล่าวต่อว่า ข้อบ่งชี้การรับยานั้น ถ้าผู้ป่วยไม่มีอาการเลย ไม่จำเป็นต้องรับยา ถ้ามีอาการแม้แต่เล็กน้อย จะเป็นดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา ว่า จำเป็นมากน้อยแค่ไหน บางท่านเสี่ยงแพ้ยาได้ หรืออาการข้างเคียงจากการกินยาร่วมกัน โดยผู้ป่วยปอดบวมควรได้ยา แต่ถ้ายาตัวใดตัวหนึ่งอาจมีอาการข้างเคียงก็จะเปลี่ยนอีกตัวหนึ่ง อย่างคนท้องเราไม่ให้ฟาวิพิราเวียร์ ต้องเป็นเรมดิซีเวียร์ ถ้ามีอาการดุลยพินิจของแพทย์ เช่น ไข้ไอเหนื่อยหอบเหมือนมีปอดบวม 3 วันไข้ไม่ลง ถือว่ามีข้อบ่งชี้

เมื่อถามว่า ผู้ติดเชื้อโควิดที่ไม่มีอาการ แล้วรับยาฟาวิพิราเวียร์จะส่งผลอย่างไร นพ.ณัฐพงศ์ กล่าวว่า การกินยาฟาวิพิราเวียร์มีโอกาสเกิดผลข้างเคียง ที่กลัวคือ ตับอักเสบ แม้จะไม่เกิดขึ้นมาก แต่ก็เกิดได้ รวมถึงกรณีที่มีดวงตาเปลี่ยนเป็นสีฟ้า ฉะนั้น หากไม่มีอาการก็ไม่มีความจำเป็น ยิ่งกินคู่กับฟ้าทะลายโจรทำให้มีอาการขึ้นมา ฉะนั้น ต้องซักประวัติก่อนว่า รับยาฟ้าทะลายโจรมาแล้วหรือไม่ ต้องหยุดก่อน ไม่กินคู่กัน

เมื่อถามว่า ผู้ติดเชื้อกลุ่มเขียวที่ไม่ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์มีโอกาสที่อาการจะมากขึ้นหรือไม่ นพ.ณัฐพงศ์ กล่าวว่า สำหรับคนไม่มีอาการและไม่ได้รับยา ถ้าแพทย์วินิจฉัยเร็วก็ต้องรอดูอาการอีก 2-3 วัน หากยังไม่มีอาการ ก็ไม่จำเป็นต้องรับยาฟาวิราเวียร์ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ไปมาก ทำให้คนเข้าใจว่าต้องกินยา คนเรียกร้องเข้ามาผ่าน 1330 เพราะต้องการยา ทั้งที่ไม่มีความจำเป็น

“ยังเน้นย้ำว่า หากเป็นอาการเล็กน้อยให้รักษาตามอาการ ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดหายเองได้ ไวรัสวันนี้เหมือนไข้หวัด แต่ที่ผ่านมา เดลตามีความรุนแรง ไม่มีภูมิต้านทาน ก็ลงปอด ยิ่งมีโรคประจำตัว ก็แย่ลง พอติดเชื้อแจ้งเข้ามาส่วนใหญ่ก้มีอาการจึงจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ แต่ช่วงนี้โรคมีความรุนแรงลดลง ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ พอมี ATK ก็ตรวจรู้ผลเร็ว ไม่มีอาการ จึงไม่ได้จ่ายยา” นพ.ณัฐพงศ์ กล่าว

Adblock test (Why?)


เตือนผลข้างเคียง ฟาวิพิราเวียร์ สธ.ย้ำไม่มีอาการ ไม่ต้องรับยา ส่วนใหญ่หายเองได้ - ข่าวสด
Read More

Wednesday, February 23, 2022

2 หมอดัง ชี้ โอมิครอน BA.2 ติดง่าย แพร่เร็วกว่า สายพันธุ์ BA.1 แต่ในแง่ความรุนแรงโรค เห็นต่างกัน - อมรินทร์ทีวี34

ทรรศนะ 2 หมอ ต่อ โอมิรอน BA.2 เห็นตรงกัน ติดง่าย แพร่เร็วกว่า สายพันธุ์ BA.1 แต่ในแง่ความรุนแรงโรค มีความเห็นต่างกัน

เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 65 ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ระบุว่า

"น้องสาวโอไมครอน BA.2 แพร่เร็วกว่าเก่งกว่า จะคลองตลาดแทนโอไมครอน หลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน จากวัคซีนได้ดีกว่า เพิ่มจำนวนได้มากกว่าและการศึกษาในสัตว์ทดลองเกิดโรคได้รุนแรงกว่า ตามบุญ กรรม"

ขณะที่ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิช ากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงความคิดเห็นต่อกรณี โอมิรอน BA.2 ว่า

"โควิด- 19 สายพันธุ์โอมิครอน BA.2 มีแนวโน้มที่จะพบมากขึ้นในประเทศไทย จากการศึกษาของศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทย์ศาสตร์จุฬาฯ ในการติดตามสายพันธุ์โอมิครอน ที่พบในเขตกรุงเทพมหานคร จะเห็นว่าสายพันธุ์ที่พบทั้งหมด เป็นสายพันธุ์ โอมิครอน

ส่วนใหญ่ที่พบยังเป็นสายพันธุ์ย่อย BA.1 ในเดือนก.พ.นี้มีแนวโน้มที่พบ สายพันธุ์ BA.2 เพิ่มขึ้นมาโดยตลอด (จากรูป) สายพันธุ์ BA.2 ไม่ได้มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น แต่จะติดต่อง่ายขึ้นกว่าสายพันธุ์ BA.1 และจะเป็นเหตุ ให้การแพร่กระจายของโรคได้มากขึ้น"

Adblock test (Why?)


2 หมอดัง ชี้ โอมิครอน BA.2 ติดง่าย แพร่เร็วกว่า สายพันธุ์ BA.1 แต่ในแง่ความรุนแรงโรค เห็นต่างกัน - อมรินทร์ทีวี34
Read More

ข่าวจริง! สักบริเวณร่องก้น เสี่ยงติดเชื้อในกระแสเลือด - ผู้จัดการออนไลน์



ปัจจุบันการสักเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ซึ่งปัญหาการติดเชื้อจากการสักมีมากขึ้นเช่นกัน เนื่องจากมีการสักในตําแหน่งที่ผิวหนังบอบบาง เช่น บริเวณริมฝีปาก บริเวณอวัยวะเพศ หรือบริเวณจุดซ่อนเร้นต่าง ๆ ที่ดูแลรักษาแผล ทําความสะอาดหลังการสักยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้น จึงทําให้เสี่ยงต่อการเกิดแผลหรือมีการติดเชื้อในกระแสเลือดและภาวะแทรกซ้อนตามมาได้
วันนี้ (23 ก.พ.) ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยข้อมูลระบุว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง สักบริเวณร่องก้น เสี่ยงติดเชื้อในกระแสเลือด ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าว เป็นข้อมูลจริง

ในปัจจุบันการสักเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ทั้งการสักตามความเชื่อดังเดิม และการสักแบบแฟชั่น หรือความสวยงาม อย่างไรก็ตามอันตรายการจากการสักหรืออาการแทรกซ้อนจากการสักนั้นพบได้ค่อนข้างบ่อย จึงควรระมัดระวังในการตัดสินใจก่อนสัก สำหรับอันตรายหรือภาวะแทรกซ้อนจากการสักมีดังนี้

1.การติดเชื้อ ซึ่งเกิดได้ทั้งในระหว่างการสัก การดูแลเรื่องความสะอาด การทําให้ปราศจากเชื้อของเครื่องมือ และเข็มที่ใช้ในการสักไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน นอกจากนี้การติดเชื้ออาจเกิดได้หลังจากสักอีกด้วย เนื่องจากการดูแลแผลหลังทําได้ไม่ดีพอ โดยเชื้อโรคที่จะก่อให้การติดเชื้อมีได้ทั้งจากเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดได้จากอาการอักเสบ ปวดบวม แดงร้อนเฉพาะจุดหรือเป็นตุ่มหนอง ส่วนการเกิดเชื้อไวรัสนั้นมีความเสี่ยงสูง ได้แก่ เชื้อไวรัสตับอักเสบบี ซี และเชื้อไวรัส HIV เป็นต้น
2.อาการแพ้สีย้อม ซึ่งพบบ่อยมากขึ้นไประยะหลังเนื่องจากมีการใช้สีย้อมที่เป็นอุตสาหกรรมมาใช้มากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ สีแดง สีน้ําเงิน และสีเหลือง
3. อาการทางผิวหนังชนิดอื่นๆ เช่น การเกิดแผลเป็นคีลอยด์ การเกิดก้อนเนื้อที่เรียกว่าแกรนูโลมา ซึ่งเป็นการเกิดปฏิกิริยาของร่างกายที่มีต่อการสัก สำหรับร่างกายนั้นถือว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ที่สักจํานวนมีการเปลี่ยนใจหรือเสียใจที่สัก ทําให้ต้องมาลบรอยสักซึ่งใช้ทั้งเวลาในการลบค่อนข้างนาน และต้องลบหลายครั้งต่อการสักครั้งเดียว ค่าใช้จ่ายสําหรับการลบรอยสักก็มากกว่าการสักนับสิบเท่า

อย่างไรก็ตามปัญหาการติดเชื้อจากการสักมีมากขึ้น เนื่องจากมีการสักในตําแหน่งที่ผิวหนังบอบบาง เช่น บริเวณริมฝีปาก บริเวณอวัยวะเพศ หรือบริเวณจุดซ่อนเร้นต่าง ๆ จะทําให้การดูแลรักษาแผลทําความสะอาดหลังการสักยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้น จึงทําให้เสี่ยงต่อการเกิดแผลหรือมีการติดเชื้อในกระแสเลือดและภาวะแทรกซ้อนตามมาได้

ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมการแพทย์ สามารถติดตามได้ที่ https://www.iod.go.th/ หรือโทร 02 5906000

หน่วยงานที่ตรวจสอบ สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข


Adblock test (Why?)


ข่าวจริง! สักบริเวณร่องก้น เสี่ยงติดเชื้อในกระแสเลือด - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

Tuesday, February 22, 2022

"ชลบุรี"ติดโควิดอีก 1369 รวมผล ATK พุ่งทะลุ 2.7 พันคน - โพสต์ทูเดย์

ชลบุรี - ป่วยโควิดรายใหม่ 1,369 ราย รวมผล ATK พุ่งทะลุ 2.7 พันคน พบ เป็นบุคลากรทางการแพทย์ 23 ราย ส่วนใหญ่ติดจากคนในครอบครัว - ที่ทำงาน ขณะที่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย มีประวัติไม่ได้ฉีดวัคซีน

เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 65 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี รายงานว่า วันนี้มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 1,369 ราย ผล ATK 1,360 ราย เสียชีวิต 1 ราย รวม 41 ราย (ยอดสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค. 65 )

ผู้ติดเชื้อรายใหม่มาจาก 1. คนที่พักอาศัยในจังหวัดระยอง เข้ามารักษาในจังหวัดชลบุรี 85 ราย สะสม 2,052 ราย และจังหวัดอื่นๆรวมสะสม 465 ราย 2. CLUSTER บริษัท วิศวกิจพัฒนา จำกัด อ.ศรีราชา 5 ราย สะสม 15 ราย 3. CLUSTER บริษัท ฟูจิตสึ เจเนอรัล (ประเทศไทย) จำกัด อ.ศรีราชา 3 ราย สะสม 107 ราย 4. อาชีพเสี่ยงพบปะผู้คนจำนวนมาก 55 ราย 5. บุคลากรทางการแพทย์ 23 ราย

6. ให้ประวัติเดินทางมาจากต่างจังหวัด 14 ราย (กทม. 6 ราย,นครสวรรค์ 2 ราย,ภูเก็ต 2 ราย,กาฬสินธุ์ 1 ราย,สมุรปราการ 1 ราย,ฉะเชิงเทรา 1 ราย,สมุทรสงคราม 1 ราย) 7. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน(ครอบครัว 320 ราย,สถานที่ทำงาน 210 ราย,บุคคลใกล้ชิด 103 ราย,ร่วมวงสังสรรค์ 5 ราย) 8. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน (อยู่ระหว่างสอบสวนโรค) 33 ราย 9. อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 513 ราย

ณ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 จังหวัดชลบุรี มีผู้ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม 764,090 คน ซึ่งในเดือนนี้ มีผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มแล้ว ติดเชื้อ 3,594 คน (อัตราป่วย 470.36 ต่อแสนประชากร) ไม่มีปอดอักเสบ, ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 1 ราย (0.13 ต่อแสนประชากร) และไม่มีเสียชีวิต

มีผู้ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม 1,881,452 คน ซึ่งในเดือนนี้ มีผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ติดเชื้อ 7,250 คน (อัตราป่วย 385.34 ต่อแสนประชากร) ผู้ป่วยปอดอับเสบ 16 ราย (0.85 ต่อแสนประชากร), ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 4 ราย (0.21 ต่อแสนประชากร) และเสียชีวิต 6 ราย (0.32 ต่อแสนประชากร)

ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีนเพียง 1 เข็ม 93,066 คน และไม่ได้ฉีดวัคซีนอีก 354,555 คน รวม 447,621 คน ในเดือนนี้พบผู้ติดเชื้อที่ฉีดวัคซีนไม่ครบและยังไม่ได้ฉีดวัคซีน 5,315 คน (อัตราป่วย 1,187.39 ต่อแสนประชากร), ผู้ป่วยปอดอับเสบ 18 ราย (4.02 ต่อแสนประชากร), ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 7 ราย (1.56 ต่อแสนประชากร) และเสียชีวิต 14 ราย (3.13 ต่อแสนประชากร)

สำหรับวันนี้ พบผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจรายใหม่ 1 ราย (ไม่พบประวัติการรับวัคซีน), ผู้ป่วยปอดอับเสบรายใหม่ 2 ราย (รายที่หนึ่งพบประวัติการรับวัคซีนสองเข็มเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2564, รายที่สองพบประวัติการรับวัคซีนสองเข็มเมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2564), และพบผู้เสียชีวิตรายใหม่ 1 ราย อายุ 35 ปี (ไม่พบประวัติการรับวัคซีน)

ดังนั้น การฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ กล่าวคือต้องได้รับการกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดเข็มที่สาม จะช่วยลดความรุนแรงของโควิด-19 ผู้ที่อาศัยในจังหวัดชลบุรี ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือฉีดวัคซีนไม่ครบ มีโอกาสที่จะมีอาการรุนแรงมากกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 และกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ จะมีอาการมากกว่ากลุ่มอื่น

Adblock test (Why?)


"ชลบุรี"ติดโควิดอีก 1369 รวมผล ATK พุ่งทะลุ 2.7 พันคน - โพสต์ทูเดย์
Read More

จส. 100 - จส. 100


          ศูนย์ข้อมูล COVID-19  รายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565


1.ผู้ป่วยรายใหม่รวม 18,883 คน จำแนกเป็น


-ผู้ป่วยจากในประเทศ 18,721 คน


-ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 162 คน


**ผู้ป่วยปอดอักเสบ จำนวน 796 คน


**ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ จำนวน 202 คน


**ติดเชื้อเข้าข่ายATK จำนวน 15,010 คน สะสม 594,246 คน


2.ผู้ป่วยสะสม 507,763 คน (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)


3.หายป่วยกลับบ้าน 14,914 คน


4.หายป่วยสะสม 373,651 คน (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)


5.ผู้ป่วยกำลังรักษา 166,397 คน


อยู่ในโรงพยาบาล 77,071 คน


อยู่ในโรงพยาบาลสนาม 89,326 คน


*รพ.สนาม/Hospitel จำนวน 49,374 คน


*Home/Community Isolation จำนวน 38,931 คน


*พักในพื้นที่อื่นๆ 1,021 คน


6.เสียชีวิต 32 ราย



 


#โควิด19


CR:ศูนย์ข้อมูล COVID-19

Adblock test (Why?)


จส. 100 - จส. 100
Read More

Monday, February 21, 2022

โควิดชลบุรีพุ่งขึ้น ติดเชื้อรายใหม่ 929 ราย มีบุคลากรทางการแพทย์ 10 ราย - ฐานเศรษฐกิจ

2. CLUSTER บริษัท ทีวีดี โบรกเกอร์ จำกัด อ.ศรีราชา 5 ราย สะสม 5 ราย

3. CLUSTER บริษัท ศรีราชาคอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) อ.ศรีราชา 3 ราย สะสม 13 ราย

4. CLUSTER บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด อ.ศรีราชา 3 ราย สะสม 18 ราย

5. อาชีพเสี่ยงพบปะผู้คนจำนวนมาก 42 ราย

6.บุคลากรทางการแพทย์ 10 ราย

7. ให้ประวัติเดินทางมาจากต่างจังหวัด 11 ราย ดังนี้

7.1 กทม. 2 ราย

7.2 จังหวัดนครราชสีมา 2 ราย

7.3 จังหวัดอยุธยา 2 ราย

7.4 จังหวัดฉะเชิงเทรา 1 ราย

7.5 จังหวัดชัยภูมิ 1 ราย

7.6 จังหวัดเชียงใหม่ 1 ราย

7.7 จังหวัดปทุมธานี 1 ราย

7.8 จังหวัดสมุทรปราการ 1 ราย

8. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน

8.1 ในครอบครัว 242 ราย

8.2 จากสถานที่ทำงาน 105 ราย

8.3 บุคคลใกล้ชิด 66 ราย

8.4 ร่วมวงสังสรรค์ 14 ราย

9. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน (อยู่ระหว่างสอบสวนโรค) 31 ราย

10. อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 288 ราย

ณ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 จังหวัดชลบุรี มีผู้ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม 754,817 คน ซึ่งในเดือนนี้ มีผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มแล้ว ติดเชื้อ 3,248 คน (อัตราป่วย 430.30 ต่อแสนประชากร) ไม่มีปอดอับเสบ, ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 1 ราย (0.13 ต่อแสนประชากร) และไม่มีเสียชีวิต

มีผู้ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม 1,879,520 คน ซึ่งในเดือนนี้ มีผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ติดเชื้อ 6,696 คน (อัตราป่วย 356.26 ต่อแสนประชากร) ผู้ป่วยปอดอับเสบ 14 ราย (0.74 ต่อแสนประชากร), ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 4 ราย (0.21 ต่อแสนประชากร) และเสียชีวิต 6 ราย (0.32 ต่อแสนประชากร)

ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีนเพียง 1 เข็ม 93,367 คน และไม่ได้ฉีดวัคซีนอีก 356,186 คน รวม 449,553 คน ในเดือนนี้พบผู้ติดเชื้อที่ฉีดวัคซีนไม่ครบและยังไม่ได้ฉีดวัคซีน 4,846 คน (อัตราป่วย 1,077.96 ต่อแสนประชากร), ผู้ป่วยปอดอับเสบ 18 ราย (4 ต่อแสนประชากร), ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 6 ราย (1.33 ต่อแสนประชากร) และเสียชีวิต 13 ราย (2.89 ต่อแสนประชากร)

สำหรับวันนี้ พบผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจรายใหม่ 1 ราย (ไม่พบประวัติการรับวัคซีน), ผู้ป่วยปอดอับเสบรายใหม่ 3 ราย (รายที่หนึ่งพบประวัติการรับวัคซีนสองเข็มเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2564, รายที่สองและรายที่สามไม่พบประวัติการรับวัคซีน)

Adblock test (Why?)


โควิดชลบุรีพุ่งขึ้น ติดเชื้อรายใหม่ 929 ราย มีบุคลากรทางการแพทย์ 10 ราย - ฐานเศรษฐกิจ
Read More

"หมอธีระ" เน้นย้ำ "เปิดโหมด survival" สำหรับตนเอง - สมาชิกในครอบครัวให้ได้ มุ่งเป้า "ไม่ติดเชื้อโควิด" - สยามรัฐ

วันที่ 22 ก.พ.65 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุข้อความว่า...

ทะลุ 426 ล้านแล้ว

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มสูงถึง 1,244,281 คน ตายเพิ่ม 6,097 คน รวมแล้วติดไปรวม 426,229,273 คน เสียชีวิตรวม 5,908,832 คน

5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ รัสเซีย เยอรมัน เกาหลีใต้ ตุรกี และญี่ปุ่น

จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ/ใต้ ซึ่งรวมกันคิดเป็นร้อยละ 97.38 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 94.16
ล่าสุดจำนวนติดเชื้อใหม่จากทวีปยุโรปนั้นคิดเป็นร้อยละ 48.01 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 44

เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 9 ใน 10 อันดับแรก และ 17 ใน 20 อันดับแรกของโลก

...สถานการณ์ไทยเรา

เอาแค่ตัวเลขผู้ติดเชื้อยืนยัน (RT-PCR) เมื่อวาน ถือว่าสูงเป็นอันดับ 18 ของโลก และอันดับ 8 ของเอเชีย

แต่ถ้ารวม ATK ไปด้วย จะขึ้นมาเป็นอันดับ 11 ของโลก และอันดับ 6 ของเอเชีย

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ติดเชื้อจริงจะมากกว่าที่เห็นจากตัวเลขที่รายงาน เพราะปัญหาในการเข้าถึงบริการตรวจ ไม่ว่าจะ RT-PCR หรือ ATK ก็ตาม ยังไม่นับเรื่องโอกาสเกิดผลลบลวงจากการตรวจด้วย ATK ซึ่งมีสูงกว่าวิธี RT-PCR เนื่องจากความไวต่ำกว่า

จากที่เคยวิเคราะห์ธรรมชาติการระบาดทั่วโลกในกลุ่มประเทศที่ผ่านพีคของ Omicron ไปแล้วนั้น ค่ามัธยฐานของจำนวนติดเชื้อสูงสุดต่อวันจะสูงกว่าพีคเดลต้าราว 3.65 เท่า ทั้งนี้ไทยเรามีปัญหาหลักอยู่ที่ข้อจำกัดเชิงระบบบริการตรวจ ทำให้ตรวจได้ไม่มาก

"ดังนั้นภาพรวมสุดท้ายในอนาคตอันใกล้นั้น น่าจะเห็นพีคไทยได้เท่าที่ตรวจ"

แต่ขอให้เราตระหนักไว้ว่าธรรมชาติการระบาดของต่างประเทศเป็นดังที่กล่าวมา และต้องป้องกันตัวให้เคร่งครัด

...เรื่องสำคัญที่ขอเน้นย้ำอีกครั้ง

ที่ต้องทำตอนนี้มีอยู่เรื่องเดียวจริงๆ คือ "เปิดโหมด survival" สำหรับตนเองและสมาชิกในครอบครัวให้ได้

มุ่งเป้า"ไม่ติดเชื้อ" เพื่อที่จะไม่ต้องไปลุ้นเรื่องภาวะอาการคงค้างเรื้อรังหรือ Long COVID ซึ่งเสี่ยงต่อการเสื่อมสมรรถนะร่างกายและจิตใจในระยะยาว ทำให้ความสามารถในการดูแลตนเองลดลง ต้องพึ่งพิงคนอื่น หรือทุพพลภาพ

จะทำเช่นนั้นได้ ไม่มีทางอื่นนอกจาก"การป้องกันตัว"

หนึ่ง ใส่หน้ากากเสมอ เจอใครไม่ใส่ ก็"ชั่งหัวมัน"ครับ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ต้องเอาตัวรอด

ใครรักชีวิตเสี่ยงก็เสี่ยงไป แจ็คพอตก็หวังว่าจะกล้าหาญพอที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายในอนาคต

สอง เว้นระยะห่างจากคนอื่น

ชีวิตจริงเวลาไปทำธุระ ไปทำงาน หรือใช้ชีวิตประจำวัน แม้เราจะระวัง แต่จะเจอเสมอที่คนอื่นๆ ที่เราพบปะนั้นจะเข้ามาคลุกคลีใกล้ชิดปานจะกลืนกิน ดังนั้นพอเห็นใครมาใกล้กว่าหนึ่งเมตร ขอให้ก้าวกระเถิบออกมาให้ห่างจากเค้า

การทำเช่นนี้ ไม่ได้เสียมารยาท แต่เป็นการช่วยรักษาความปลอดภัยทั้งเราและเค้า เพราะไม่มีใครรู้หรอกว่าใครจะติดจากใคร นอกจากนี้พอเราทำเป็นตัวอย่างให้เห็น ก็จะเป็นการกระตุ้นให้คนอื่นเกิดการเรียนรู้ และเป็นบรรทัดฐานเวลาเจอกันยามระบาด

สาม งดกินดื่มหรือแชร์ของกินของใช้ร่วมกับผู้อื่น

ติดกันมานักต่อนัก มากมายรอบตัว ทั้งจากการกินข้าวในที่ทำงาน การนัดพบปะสังสรรค์ระหว่างเพื่อนฝูง หรืออื่นๆ หลายที่ก็มีนโยบายห้ามหรืองดกินข้าวร่วมกันในที่ทำงาน ให้แยกไปต่างคนต่างกิน
ส่วนที่ไหนที่ทำไม่ได้ หรือใครทำไม่ได้ ก็ขอให้ตระหนักไว้ว่าเสี่ยงแน่นอน รอแจ็คพอตว่าจะเมื่อใดก็เท่านั้น จึงต้องอ่านข้อสุดท้ายคือข้อสี่ต่อไป

สี่ หมั่นตรวจตราตนเองและสมาชิกในครอบครัว หากไม่สบายคล้ายหวัด ไข้ ปวดเมื่อยตามตัว ปวดหัว ไอ เจ็บคอ คัดจมูกน้ำมูกไหล แม้เล็กน้อย ก็จงตระหนักไว้ว่ามีโอกาสเป็นโควิด-19 และจะนำพาไปสู่การระบาดในครอบครัว และที่ทำงานได้

ดังนั้นหากไม่สบาย ควรหยุดเรียนหยุดงาน แยกตัวจากคนใกล้ชิด ป้องกันตัว 100% และไปตรวจรักษาให้หายดีเสียก่อน เป็นความรับผิดชอบทั้งต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม

...หากท่าน และครอบครัวป้องกันตัวเต็มที่ดังที่กล่าวมาข้างต้น ความเสี่ยงจะลดลงไปมาก และเป็นหนทางสู่โหมด survival ครับ

ย้ำอีกครั้งว่า Long COVID จะเป็นปัญหาหลักในอนาคต ตัวเลขแต่ละวันที่เห็นนั้นอาจไม่สะท้อนสถานการณ์จริงเพราะมีข้อจำกัดในเรื่องศักยภาพของระบบการตรวจ การติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันจึงน่าจะมากกว่าที่เห็น

Long COVID ป้องกันได้ หากเราป้องกันตัว...

Adblock test (Why?)


"หมอธีระ" เน้นย้ำ "เปิดโหมด survival" สำหรับตนเอง - สมาชิกในครอบครัวให้ได้ มุ่งเป้า "ไม่ติดเชื้อโควิด" - สยามรัฐ
Read More

ชลบุรี ป่วยใหม่พุ่งเฉียดพัน บุคลากรแพทย์ติดเพิ่ม 10ราย เผย 3คลัสเตอร์ - ข่าวสด

ชลบุรี รายงานสถานการณ์ โควิดวันนี้ ผู้ป่วยใหม่ พุ่งเฉียดพัน บุคลากรทางการแพทย์ ติดเชื้อ 10 ราย เผย 3 คลัสเตอร์ พบผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 1 ราย

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

วันที่ 22 ก.พ.2565 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ จ.ชลบุรี ประจำวัน ระบุว่า วันนี้มีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 929 ราย
1.คนที่พักอาศัยในจังหวัดระยอง เข้ามารักษาในจังหวัดชลบุรี 109 ราย สะสม 1,963 ราย และจังหวัดอื่นๆรวมสะสม 435 ราย 2.คลัสเตอร์ บริษัท ทีวีดี โบรกเกอร์ จำกัด อ.ศรีราชา 5 ราย สะสม 5 ราย 3.คลัสเตอร์ บริษัท ศรีราชาคอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) อ.ศรีราชา 3 ราย สะสม 13 ราย

4.คลัสเตอร์ บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด อ.ศรีราชา 3 ราย สะสม 18 ราย 5.อาชีพเสี่ยงพบปะผู้คนจำนวนมาก 42 ราย 6.บุคลากรทางการแพทย์ 10 ราย 7.ให้ประวัติเดินทางมาจากต่างจังหวัด 11 ราย ดังนี้ กทม. 2 ราย, นครราชสีมา 2 ราย, พระนครศรีอยุธยา 2 ราย, ฉะเชิงเทรา 1 ราย, ชัยภูมิ 1 ราย, เชียงใหม่ 1 ราย, ปทุมธานี 1 ราย และ สมุทรปราการ 1 ราย

8.สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน ในครอบครัว 242 ราย, จากสถานที่ทำงาน 105 ราย, บุคคลใกล้ชิด 66 ราย, ร่วมวงสังสรรค์ 14 ราย 9.สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน (อยู่ระหว่างสอบสวนโรค) 31 ราย และ 10.อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 288 ราย

สำหรับวันนี้พบผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจรายใหม่ 1 ราย (ไม่พบประวัติการรับวัคซีน), ผู้ป่วยปอดอับเสบรายใหม่ 3 ราย (รายที่หนึ่งพบประวัติการรับวัคซีนสองเข็มเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2564, รายที่สองและรายที่สามไม่พบประวัติการรับวัคซีน)

ดังนั้น การฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ กล่าวคือต้องได้รับการกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดเข็มที่สาม จะช่วยลดความรุนแรงของโควิด-19 ผู้ที่อาศัยในจังหวัดชลบุรี ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือฉีดวัคซีนไม่ครบ มีโอกาสที่จะมีอาการรุนแรงมากกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 และกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ จะมีอาการมากกว่ากลุ่มอื่น

การระบาดที่พัทยา อ.บางละมุงและอ.เมืองชลบุรี มีอุบัติการณ์สูงที่บริเวณตลาด ทรีทาวน์ ซอยบัวขาวพัทยา อ.บางละมุง และร้านอาหารจำหน่ายสุราถนนลงหาดบางแสน หาดวอนนภา อ.เมืองชลบุรี และเริ่มมีการกระจายเป็นวงกว้างมากขึ้น ขณะนี้มีการระบาดในหลายอำเภอร้านอาหารจำหน่ายสุราในเขตพัทยา อ.บางละมุง เขตอ.เมืองชลบุรี ต้องคัดกรองลูกค้าด้วย ATK ทุกคน สำหรับอำเภออื่นๆ ให้ตรวจ ATK ในร้านที่ลูกค้ามากกว่า 100 คน หรือค่อนข้างแออัด

ชลบุรี รายงานสถานการณ์ โควิดวันนี้ ผู้ป่วยใหม่ พุ่งเฉียดพัน บุคลากรทางการแพทย์ ติดเชื้อ 10 ราย

ชลบุรี รายงานสถานการณ์ โควิดวันนี้ ผู้ป่วยใหม่ พุ่งเฉียดพัน บุคลากรทางการแพทย์ ติดเชื้อ 10 ราย

Adblock test (Why?)


ชลบุรี ป่วยใหม่พุ่งเฉียดพัน บุคลากรแพทย์ติดเพิ่ม 10ราย เผย 3คลัสเตอร์ - ข่าวสด
Read More

โควิดวันนี้ติดเชื้อเฉียด 1.9 หมื่น เสียชีวิตขาขึ้น ปอดอักเสบใกล้ 800 ราย - ไทยรัฐ

ศบค. รายงานสถานการณ์โควิดวันนี้ 21 ก.พ. 65 ผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังสูง 18,652 ราย เฉพาะ กทม. 2,690 ราย เสียชีวิตอีก 30 ศพ อยู่ระหว่างรักษาตัวมากกว่า 1.6 แสนราย ผลตรวจ ATK บวก 8,814 ราย

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 21 ก.พ. 2565 แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. และกระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย มีรายละเอียดดังนี้

  • ติดเชื้อในประเทศ 18,704 ราย
  • ติดเชื้อในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 17 ราย
  • ติดเชื้อจากต่างประเทศ 162 ราย
  • รักษาหายเพิ่มขึ้น 14,914 ราย
  • หายป่วยสะสม 2,542,145 ราย (ตั้งแต่ปี 2563)
  • อยู่ระหว่างรักษาตัว 166,397 ราย แบ่งเป็นในโรงพยาบาล 77,071 ราย โรงพยาบาลสนามและอื่นๆ 89,326 ราย ในจำนวนนี้มีอาการหนัก (ปอดอักเสบ) 796 ราย ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 202 ราย
  • มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 32 ศพ ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 22,656 ศพ (ตั้งแต่ปี 2563)
  • ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,731,198 ราย นับเป็นรายที่ 2,712,316-2,731,198
  • ประเทศไทยคงอันดับที่ 32 ของโลก


สำหรับผู้ติดเชื้อ 18,883 รายใหม่ แบ่งเป็นดังนี้

  • ผู้ป่วยรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 18,618 ราย
  • ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 86 ราย
  • เรือนจำ/ที่ต้องขัง 17 ราย
  • ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 162 ราย


ส่วนผู้ติดเชื้อรายจังหวัดมากที่สุด 5 จังหวัดประจำวันนี้ อันดับ 1 กรุงเทพมหานคร 2,753 ราย รองลงมาคือ นครศรีธรรมราช 960 ราย สมุทรปราการ 926 ราย ชลบุรี 884 ราย และนนทบุรี 852 ราย

สำหรับยอดการตรวจ ATK รายงาน ณ วันที่ 21 ก.พ. 2565 เวลา 07.28 น. ตามข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข พบติดเชื้อเข้าข่าย หรือ ATK เป็นบวกอีก 15,010 ราย ส่วนยอดผลบวกสะสมอยู่ที่ 579,236 ราย ซึ่งจำนวนนี้ไม่รวมในการรายงานยอดผู้ติดเชื้อใหม่ซึ่งยืนยันผลด้วย RT-PCR.

Adblock test (Why?)


โควิดวันนี้ติดเชื้อเฉียด 1.9 หมื่น เสียชีวิตขาขึ้น ปอดอักเสบใกล้ 800 ราย - ไทยรัฐ
Read More

Sunday, February 20, 2022

ยอดโควิด กทม.ติดเชื้อ 2,690 ตายสูงสุด 9 ราย อีก 47 จว.ป่วยใหม่เกินร้อย - สำนักข่าวอิศรา

200265Covid AP01

ศบค.พบผู้ป่วยรายใหม่ 18,953 หายป่วย 13,962 เหลือกำลังรักษาตัวอยู่ 162,460  ตายเพิ่ม 30 คน ขณะที่ตัวเลข กทม.ยังนำ 2,690 เสียชีวิตมากสุด 9 ราย ส่วนอีก 47 จังหวัดติดเชื้อเกินร้อย สถานการณ์โควิดไทยลดลงตกอยู่อันดับที่ 32 ของโลก


สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2565 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) รายงานสถานการณ์ประจำวัน โดยพบผู้ป่วยรายใหม่ 18,953 ราย จำแนกเป็น ติดเชื้อในประเทศ 18,652 ราย เกิดจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 18,466 ราย เกิดจากการค้นหาเชิงรุกและพบการติดเชื้อในชุมชน 186 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ 118 ราย อีก 183 รายเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ รวมผู้ป่วยสะสม 2,712,315 ราย

หายป่วยเพิ่ม 13,962 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัว 162,460 ราย โดยในจำนวนนี้มีอาการหนัก 747 ราย และใส่ท่อช่วยหายใจ 189 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 30 ราย เป็นผู้สูงอายุ 22 ราย คิดเป็น 73% ป่วยเรื้อรัง 7 ราย คิดเป็น 23% รวม 96% เสียชีวิตสะสม 22,624 ราย

สำหรับผู้เสียชีวิต 30 ราย โดยในจำนวนนี้ มาจาก กทม. 9 ราย สมุทรสาคร 5 ราย ปทุมธานี 1 ราย สมุทรปราการ 1 ราย กาฬสินธุ์ 1 ราย ขอนแก่น 1 ราย เชียงราย 1 ราย สุโขทัย 1 ราย พัทลุง 1 ราย ภูเก็ต 1 ราย ลพบุรี 2 ราย กาญจนบุรี 1 ราย จันทบุรี 1 ราย ฉะเชิงเทรา 1 ราย ปราจีนบุรี 1 ราย พระนครศรีอยุธยา สระแก้ว 1 ราย มีปัจจัยเสี่ยงมาจากโรคประจำตัว การอาศัยในพื้นที่ระบาด และการติดเชื้อจากคนใกล้ชิด

200265Covid BP01 6

โดย 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่สูงสุด ตามลำดับ ได้แก่ กทม. 2,690 ราย สมุทรปราการ 975 ราย ชลบุรี 828 ราย นครศรีธรรมราช 810 ราย นนทบุรี 762 ราย ภูเก็ต 549 ราย สมุทรสาคร 507 ราย ราชบุรี 466 ราย บุรีรัมย์ 441 ราย และนครปฐม 432 ราย ส่วนอีก 47 จังหวัดป่วยใหม่เกิน 100 ราย

ขณะที่ การกระจายวัคซีนในประเทศ พบผู้ที่ได้รับผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 เพิ่มเติม จำนวน 61,661 ราย ผู้ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 39,717 ราย และผู้ได้รับเข็มที่ 3 จำนวน 182,283 ราย รวมสะสมผู้ได้รับวัคซีนแล้ว 121,583,665 ราย แบ่งเป็น ผู้ได้รับเข็มที่ 1 จำนวน 53,100,356 ราย คิดเป็น 76.3% ผู้ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 49,458,760 ราย คิดเป็น 71.1% และผู้ได้รับเข็มที่ 3 จำนวน 19,024,549 ราย คิดเป็น 27.4%

โดยมีผลการให้บริการวัคซีนโควิดกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ กลุ่มผู้มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป จากเป้าหมาย 12,711,943 ราย ฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้ว 10,508,486 ราย คิดเป็น 82.7% เข็มที่สอง 9,903,638 ราย คิดเป็น 78% เข็มที่สาม 3,518,378 ราย คิดเป็น 27.7% และกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี จากเป้าหมาย 5,150,082 ราย ฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้ว 376,280 ราย คิดเป็น 7.3% เข็มที่สอง 13,604 ราย คิดเป็น 0.2%

200265Covid BP01 19

เดินทางเข้าไทย ติดเชื้อใหม่ 183 สะสมเดือนนี้ 3.36 พันราย

ผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เดินทางมาจาต่างประเทศ 183 ราย ทั้งหมดเดินทางเข้ามาแบบไม่ต้องกักตัว (Test and Go) 75 ราย แบบแซนด์บ็อกซ์ (Sandbox) 75 ราย แบบกักตัว (Quarantine) 6 ราย และลักลอบ 27 ราย

ทำให้ผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ เดือน ก.พ. สะสมรวม 3,360 ราย จำแนกเป็น แบบไม่ต้องกักตัว (Test and Go) 793 ราย แบบแซนด์บ็อกซ์ (Sandbox) 2,339 ราย แบบกักตัว (Quarantine) 228 ราย

200265Covid BP01 14

ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 1.59 ล. รวมสะสม 423.80 ล้านราย

ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 1,590,061 ราย รวม 423,807,334 ราย อาการหนัก 82,601 ราย หายป่วย 348,798,206 ราย เสียชีวิต 5,901,228 ราย โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยเพิ่ม 41,443 ราย รวม 80,072,561 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 715 ราย รวม 959,130 ราย อินเดีย พบเพิ่ม 18,488 ราย รวม 42,820,993 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 673 ราย รวม 511,935 ราย บราซิล พบเพิ่ม 103,363  ราย รวม 28,167,587 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 827 ราย รวม 643,938 ราย ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 32 ของโลก

200265Covid BP01 3

โควิดวันนี้ ป่วยเพิ่ม 18,953 หายกลับบ้าน 13,962 ตาย 30 ราย

อนึ่งก่อนหน้านี้ เวลา 08.02 น. สำนักข่าวอิศรารายงานสถานการณ์โควิดประจำวันว่า 18,953 ราย จำแนกเป็น ติดเชื้อในประเทศ 18,770 ราย ในเรือนจำ 118 ราย อีก 183 รายเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ทำให้มีผู้ป่วยสะสมระลอก ม.ค. 488,880 ราย

ทั้งนี้ มีผู้หายป่วยกลับบ้านเพิ่มเติม 13,962 ราย สะสมรวมระลอก ม.ค. 358,737 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 162,460 ราย อาการหนัก 747 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 189 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 30 ราย

เป็นผู้ป่วยในพื้นที่ 8 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยวเต็มพื้นที่ 5,673 ราย จากพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวอื่นๆ 4,815 ราย และจังหวัดอื่นๆ 8,164 ราย

20022565 news 02

20022565 news 03

Adblock test (Why?)


ยอดโควิด กทม.ติดเชื้อ 2,690 ตายสูงสุด 9 ราย อีก 47 จว.ป่วยใหม่เกินร้อย - สำนักข่าวอิศรา
Read More

ทำงานหนักจนลืมกินข้าว ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหารจริงหรือไม่? - Hfocus

การกินอาหารไม่ตรงเวลา มีผลต่อโรคกระเพาะจริงไหม? ปรับพฤติกรรมอย่างไรจะช่วยลดอาการป่วย  ด้วยพฤติกรรม การใช้ชีวิตในปัจจุบัน ทำให้บางคนไม่สามา...