Rechercher dans ce blog

Wednesday, March 30, 2022

"หมอธีระ" เตือน ไม่ควรหลงเชื่อคำแนะนำให้ใช้ยา Ivermectin ในการรักษาโควิด - สยามรัฐ

วันที่ 31 มี.ค.65 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุข้อความว่า...

ทะลุ 486 ล้าน

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มสูงถึง 1,549,684 คน ตายเพิ่ม 3,759 คน รวมแล้วติดไปรวม 486,643,977 คน เสียชีวิตรวม 6,160,742 คน

5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ เกาหลีใต้ เยอรมัน ฝรั่งเศส เวียดนาม และอิตาลี

เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 8 ใน 10 อันดับแรก และ 16 ใน 20 อันดับแรกของโลก

จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 89.64 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 78.34

การติดเชื้อใหม่ในทวีปเอเชียนั้นคิดเป็นร้อยละ 42.13 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 31.55

...สถานการณ์ระบาดของไทย

เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่ รวม ATK สูงเป็นอันดับ 7 ของโลก และอันดับ 3 ของเอเชีย

ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 12 ของโลก

...จบเสียทีกับเรื่องยาฆ่าพยาธิ

หลายเดือนที่ผ่านมา มีการปั่นกระแสข่าวทั่วโลกรวมถึงไทยเราด้วย ยุให้คนใช้ยาฆ่าพยาธิมารักษาโรคโควิด-19

ล่าสุดวารสารทางการแพทย์ระดับโลก New England Journal of Medicine เผยแพร่ผลการวิจัย Randomized double-blind placebo-controlled trial เรื่องนี้เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของยาฆ่าพยาธิ Ivermectin และยาหลอก ในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ประเทศบราซิล

ผลการศึกษาพบว่า Ivermectin ไม่ได้ช่วยลดปริมาณไวรัส ไม่ได้ช่วยลดอัตราการนอนรพ. การใช้บริการห้องฉุกเฉิน หรืออาการรุนแรงใดๆ

ดังนั้นจึงไม่ควรหลงเชื่อคำแนะนำยุยงให้ใช้ยา Ivermectin ในการรักษาโรคโควิด-19 นะครับ

เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ...ทำในสิ่งที่ควรทำ

สถานการณ์การระบาดของไทยยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง รุนแรง กระจายทั่ว

ยืนยันว่ายากมากที่จะประกาศเป็นโรคประจำถิ่นได้ในระยะเวลาไม่กี่เดือนนี้

สำหรับคนที่ปกติดี การเตรียมอุปกรณ์จำเป็น หยูกยาพื้นฐาน และวางแผนจัดการตนเองหรือครอบครัวยามที่ฉุกเฉินเกิดปัญหาคนในบ้านติดเชื้อขึ้นมา และมีเบอร์ติดต่อ และฝหรือไลน์ของบุคลากรทางการแพทย์ที่รู้จักเอาไว้ จะเป็นประโยชน์มากเวลาเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดขึ้นมา และจะลดความเครียดกังวลไปได้ไม่มากก็น้อย

สถานการณ์ปัจจุบันคงเห็นแล้วว่า demand มากกว่า supply และนโยบายเกี่ยวกับการจัดระบบบริการดูแลผู้ติดเชื้อใหม่ที่เกิดขึ้นจำนวนมากในแต่ละวันนั้นยังมีปัญหามาก ทั้งเรื่องช่องทางการรับบริการ ยา รวมถึงกระบวนการสนับสนุน

สถานพยาบาลจำนวนมากกำลังประสบปัญหาบุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรฝ่ายสนับสนุนเกิดติดเชื้อจำนวนไม่น้อยในแต่ละวันจากการปฏิบัติการหรือจากการใช้ชีวิตประจำวันส่วนตัวกับเพื่อนฝูงหรือครอบครัว จำเป็นต้องลดการบริการลง

สวนทางกับนโยบายเจอแจกจบที่อาจส่งผลให้ประชาชนต้องมารับบริการที่สถานพยาบาลมากขึ้น แทนที่จะเป็นบริการแบบทางไกล นี่เป็นเรื่องสำคัญที่จะส่งผลกระทบแบบโดมิโน่ ทั้งในเรื่องภาระงานต่อบุคลากรและสถานพยาบาล ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแพร่เชื้อ รวมถึงภาระค่าใช้จ่าย เวลา และความลำบากในการเดินทางสำหรับประชาชน

คงจะเป็นประโยชน์ หากทางศบค.ทั้งชุดเล็กและชุดใหญ่ พิจารณาให้มีการประเมินแบบ 360 องศาทุกมิติ เพื่อประเมินผลกระทบจากนโยบายเจอแจกจบ มิใช่การประเมินความพึงพอใจในกลุ่มตัวอย่างจำนวนน้อยและระยะสั้นไม่กี่วัน

...ใส่หน้ากากเสมอ เว้นระยะห่างจากคนอื่น พบปะคนอื่นเท่าที่จำเป็น ใช้เวลาสั้นๆ เลี่ยงการกินดื่มหรือแชร์ของกินของใช้ร่วมกับผู้อื่น หากไม่สบาย ควรแจ้งคนใกล้ชิด แยกตัว และไปตรวจรักษาให้หายดีเสียก่อน

คนที่เคยติดเชื้อมาแล้ว ยังต้องป้องกัน เพราะติดเชื้อซ้ำได้ นอกจากนี้ยังควรประเมินสุขภาพตนเองอย่างสม่ำเสมอ หากผิดปกติ สมรรถนะร่างกาย ความคิดความจำ หรืออารมณ์แตกต่างไปจากอดีต ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสมและทันเวลา เพราะภาวะ Long COVID จะเกิดขึ้นได้

อ้างอิง

Reis G et al. Effect of Early Treatment with Ivermectin among Patients with Covid-19. NEJM. 30 March 2022.

Adblock test (Why?)


"หมอธีระ" เตือน ไม่ควรหลงเชื่อคำแนะนำให้ใช้ยา Ivermectin ในการรักษาโควิด - สยามรัฐ
Read More

โอมิครอน BA.2 ครองสหรัฐกลายเป็นสายพันธุ์หลัก - TNN Online

โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 กลายเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดในสหรัฐฯ

วันนี้ (30 มี.ค. 65) ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐเปิดเผยในวันอังคาร (29 มี.ค.) ว่า ไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 ได้กลายเป็นไวรัสสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดในสหรัฐแล้ว รายงานระบุว่า ไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยนี้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมาจากความสามารถในการแพร่เชื้อที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสายพันธุ์โอมิครอนดั้งเดิม

นอกจากนี้ ไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 คิดเป็น 54.9% ของยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 26 มี.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 39% ในสัปดาห์ก่อนหน้า และ 27.8% ในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนหน้า ทั้งนี้ ไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 คาดว่าจะสามารถแพร่ระบาดได้มากกว่าไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม BA.1 ประมาณ 30%

ภาพจาก : AFP

Adblock test (Why?)


โอมิครอน BA.2 ครองสหรัฐกลายเป็นสายพันธุ์หลัก - TNN Online
Read More

Tuesday, March 29, 2022

ดร.อนันต์ เปิดสาเหตุโควิด โอมิครอนสายพันธุ์ BA.2 แพร่กระจายไวกว่าตัวอื่น - ข่าวสด - ข่าวสด

ดร.อนันต์ เปิดสาเหตุโควิดไวรัส BA.2 แพร่กระจายไวกว่าสายพันธุ์อื่น เผย BA.2 หลบภูมิได้ดี มีการกลายพันธุ์นอกโปรตีนหนามสไปค์ ไวรัสตัวนี้จะสร้างปัญหาเพิ่ม

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

เมื่อวันที่ 29 มี.ค.65 ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ หรือไบโอเทค และนักไวรัสวิทยา โพสต์เฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana เกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 โดยระบุว่า

คำถามนึงที่นักไวรัสวิทยาที่กำลังติดตามการเปลี่ยนแปลงของคุณสมบัติของไวรัสโรคโควิด-19 ยังหาคำตอบที่ชัดเจนไม่ได้คือ อะไรเป็นสาเหตุให้ไวรัสอย่าง BA.2 ถึงแพร่กระจายได้ไวกว่าสายพันธุ์อื่น

โดยเฉพาะโอมิครอนตัวที่ครองพื้นที่ได้ก่อนอย่าง BA.1 หรือ BA.1.1 และ ที่สำคัญคุณสมบัติการแพร่กระจายแตกต่างกันชัดมาก สังเกตได้จากสถานการณ์ตอนนี้ที่การตรวจ ATK เป็นบวกพบได้กับคนรอบตัวเป็นรายวันเลย

จากสมมุติฐานเดิมที่เคยตั้งไว้คือ ไวรัสเกิดการเปลี่ยนแปลงที่บริเวณหนามสไปค์ทำให้จับโปรตีนตัวรับแน่นขึ้น หรือหนีภูมิได้ดีขึ้น แต่ข้อมูลวันนี้ ผมยังไม่เห็นออกมาแสดงว่าความแตกต่างดังกล่าวระหว่าง BA.1 และ BA.2 จะเอามาอธิบายได้ พูดง่ายๆคือ ไวรัสทั้งสองสายพันธุ์จับโปรตีนตัวรับได้ดีพอๆกัน และหนีภูมิได้พอๆกัน แล้วอะไรทำให้ BA.2 วิ่งไวกว่า BA.1 ขนาดนี้

ความเป็นไปได้คือ การกลายพันธุ์นอกโปรตีนหนามสไปค์ครับ วันนี้เริ่มชัดขึ้นจากการค้นพบสายพันธุ์ย่อยของ BA.2 ที่เริ่มเพิ่มการแพร่กระจายเป็นวงกว้างใน Scotland เรียกสายพันธุ์นี้ว่า “BA.2.8” โดยข้อมูลที่เทียบการแพร่กระจายกับ BA.2 เดิม BA.2.8 ดูเหมือนจะวิ่งไวกว่า BA.2 ปกติประมาณ 34% และ ไวกว่า BA.1.1 ถึง 110%

BA.2.8 มีหนามสไปค์เหมือนกับ BA.2 ครับ ความแตกต่างอยู่ที่การ กลายพันธุ์ 2 ตำแหน่งบนโปรตีนตัวเล็กๆที่ชื่อว่า ORF3a คือตำแหน่งที่ 9 (T9K) และ 31(A31T) จากประสบการณ์ส่วนตัวผมมองว่าการเปลี่ยนแปลงลักษณะนี้น่ากังวลครับ สาเหตุคือเราไม่รู้จัก ORF3a ว่าหน้าที่ของโปรตีนนี้ทำอะไรกันแน่ การศึกษาโปรตีนที่เราไม่รู้จักหน้าที่ชัดเจนจะยากมาก เพราะจะเดาทางไวรัสไม่ออก

ถ้า BA.2.8 แพร่กระจายได้ไวอย่างที่ Scotland จริงในทุกที่ที่ไวรัสระบาด ไวรัสตัวนี้จะสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นครับ และคงมีอะไรใหม่ๆมาอีกแน่ เพราะวัคซีนเราทำอะไร ต่อการเปลี่ยนแปลง หรือชะลอการเปลี่ยนแปลงของ ORF3a ไม่ได้เลย หวังว่า BA.2.8 จะเป็นไวรัสที่โดนคุมได้ไม่แพร่ออกมาไวนะครับ

Adblock test (Why?)


ดร.อนันต์ เปิดสาเหตุโควิด โอมิครอนสายพันธุ์ BA.2 แพร่กระจายไวกว่าตัวอื่น - ข่าวสด - ข่าวสด
Read More

Monday, March 28, 2022

ไทย “ติดเชื้อ-เสียชีวิต” สวนทางแนวโน้มโลก “หมอธีระ” เตือนลองโควิดทำให้เกิดโรคเรื้อรังตลอดชีวิต - Ch7.com

เกาะติดสถานการณ์โควิด วันนี้ (29 มี.ค.65) รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึง แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายสัปดาห์ ซึ่งทั่วโลกติดเชื้อลดลง 11% เสียชีวิตลดลง 19% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า ทวีปเอเชียติดเชื้อลดลง 20% ตายลดลง 18% ส่วนประเทศไทย ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 4% (ยังไม่รวม ATK) และตายเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า

สำหรับผู้ป่วยปอดอักเสบเพิ่มขึ้นจาก 1,484 คน เป็น 1,748 คน เพิ่มขึ้น 17.78% ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจเพิ่มจาก 532 คน เป็น 691 คน เพิ่มขึ้น 29.88% จำนวนติดเชื้อรวม ATK ของวันนี้ สูงกว่าสัปดาห์ก่อน 1.07% และมากกว่าสองสัปดาห์ก่อน 6.79% ถือเป็นแนวโน้มของการติดเชื้อรายวันที่สูงกว่า 2 สัปดาห์ก่อน ติดต่อกันเป็นวันที่ 5

62427fef8c6842.54142130.PNG

หมอธีระ ยังได้อัปเดตงานวิจัยเกี่ยวกับ BA.2 ของ Chen LL และคณะจากฮ่องกง ศึกษาเปรียบเทียบระดับภูมิคุ้มกัน neutralizing antibody ที่จัดการกับเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน BA.2 กับ BA.1 พบว่าการดื้อต่อภูมิคุ้มกันนั้น BA.2 ดูจะมีแนวโน้มน้อยกว่า BA.1 อยู่บ้าง ข้อสังเกตที่ได้จากผลวิจัยครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่าการแพร่ระบาดของ BA.2 ที่ไวกว่า BA.1 ซึ่งเป็นพันธุ์ดั้งเดิม น่าจะมีสาเหตุมาจากปัจจัยอื่น ที่ไม่ใช่เรื่องการดื้อต่อภูมิคุ้มกัน ได้แก่ สมรรถนะของตัวไวรัสที่แพร่ หรือติดได้ง่ายขึ้น หรือปัจจัยอื่นเกี่ยวกับคน พฤติกรรม และอื่นๆ

“สรุปว่า BA.2 ติดไวกว่า BA.1 ราว 30% เมื่อติดเชื้อแล้วมีปริมาณไวรัสในช่องคอมากกว่า BA.1 ราว 2 เท่า และสามารถจับกับตัวรับ ACE2 บนผิวเซลล์ได้ดีกว่า BA.1 อัตราการติดเชื้อไปยังผู้อื่นสูงกว่า BA.1 ระยะเวลานับจากวันแรกที่คนที่ติดเชื้อคนแรกมีอาการ ไปยังคนที่รับเชื้อมีอาการสั้นกว่า BA.1 ขณะที่การดื้อต่อภูมิคุ้มกัน จะน้อยกว่า BA.1 อยู่บ้าง"

ในประเทศไทย การระบาดต่อเนื่อง ส่วนใหญ่ติดเชื้อมาจากการดำเนินชีวิตประจำวัน ทั้งในที่ทำงาน ที่บ้าน งานเลี้ยงสังสรรค์ งานแต่งงาน งานศพ งานบวช รวมถึงสถานที่ที่มีคนหมู่มาก แออัด ระบายอากาศไม่ดี และที่ชัดเจนมากคือ ระหว่างการกินดื่มร่วมกับผู้อื่น เพราะเป็นช่วงที่ไม่ได้ป้องกันตัว พึงระลึกไว้ว่า แม้ความรุนแรงจะน้อยกว่าสายพันธุ์เดลตา แต่ติดง่าย ป่วยได้ ตายได้ รวมถึงอาจมีโอกาสส่งผลกระทบต่อชีวิตในระยะยาวจากภาวะ Long COVID ซึ่งจะบั่นทอนสมรรถนะในเรื่องความคิด ความจำ รวมถึงการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน และอาจทำให้เกิดโรคเรื้อรังไปตลอดชีวิต

Adblock test (Why?)


ไทย “ติดเชื้อ-เสียชีวิต” สวนทางแนวโน้มโลก “หมอธีระ” เตือนลองโควิดทำให้เกิดโรคเรื้อรังตลอดชีวิต - Ch7.com
Read More

ดร.อนันต์ เปิดสาเหตุโควิดไวรัส BA.2 แพร่กระจายไวกว่าสายพันธุ์อื่น - มติชน

เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ หรือไบโอเทค และนักไวรัสวิทยา ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana เกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 โดยระบุว่า

คำถามนึงที่นักไวรัสวิทยาที่กำลังติดตามการเปลี่ยนแปลงของคุณสมบัติของไวรัสโรคโควิด-19 ยังหาคำตอบที่ชัดเจนไม่ได้คือ อะไรเป็นสาเหตุให้ไวรัสอย่าง BA.2 ถึงแพร่กระจายได้ไวกว่าสายพันธุ์อื่น โดยเฉพาะโอมิครอนตัวที่ครองพื้นที่ได้ก่อนอย่าง BA.1 หรือ BA.1.1 และ ที่สำคัญคุณสมบัติการแพร่กระจายแตกต่างกันชัดมาก สังเกตได้จากสถานการณ์ตอนนี้ที่การตรวจ ATK เป็นบวกพบได้กับคนรอบตัวเป็นรายวันเลย

จากสมมุติฐานเดิมที่เคยตั้งไว้คือ ไวรัสเกิดการเปลี่ยนแปลงที่บริเวณหนามสไปค์ทำให้จับโปรตีนตัวรับแน่นขึ้น หรือ หนีภูมิได้ดีขึ้น แต่ข้อมูลวันนี้ ผมยังไม่เห็นออกมาแสดงว่าความแตกต่างดังกล่าวระหว่าง BA.1 และ BA.2 จะเอามาอธิบายได้ พูดง่ายๆคือ ไวรัสทั้งสองสายพันธุ์จับโปรตีนตัวรับได้ดีพอๆกัน และ หนีภูมิได้พอๆกัน แล้วอะไรทำให้ BA.2 วิ่งไวกว่า BA.1 ขนาดนี้

ความเป็นไปได้คือ การกลายพันธุ์นอกโปรตีนหนามสไปค์ครับ วันนี้เริ่มชัดขึ้นจากการค้นพบสายพันธุ์ย่อยของ BA.2 ที่เริ่มเพิ่มการแพร่กระจายเป็นวงกว้างใน Scotland เรียกสายพันธุ์นี้ว่า “BA.2.8” โดยข้อมูลที่เทียบการแพร่กระจายกับ BA.2 เดิม BA.2.8 ดูเหมือนจะวิ่งไวกว่า BA.2 ปกติประมาณ 34% และ ไวกว่า BA.1.1 ถึง 110%

BA.2.8 มีหนามสไปค์เหมือนกับ BA.2 ครับ ความแตกต่างอยู่ที่การกลายพันธุ์ 2 ตำแหน่งบนโปรตีนตัวเล็กๆที่ชื่อว่า ORF3a คือตำแหน่งที่ 9 (T9K) และ 31(A31T) จากประสบการณ์ส่วนตัวผมมองว่าการเปลี่ยนแปลงลักษณะนี้น่ากังวลครับ สาเหตุคือ เราไม่รู้จัก ORF3a ว่าหน้าที่ของโปรตีนนี้ทำอะไรกันแน่ การศึกษาโปรตีนที่เราไม่รู้จักหน้าที่ชัดเจนจะยากมาก เพราะจะเดาทางไวรัสไม่ออก

ถ้า BA.2.8 แพร่กระจายได้ไวอย่างที่ Scotland จริงในทุกที่ที่ไวรัสระบาด ไวรัสตัวนี้จะสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นครับ และ คงมีอะไรใหม่ๆมาอีกแน่ เพราะวัคซีนเราทำอะไร ต่อการเปลี่ยนแปลง หรือ ชะลอการเปลี่ยนแปลงของ ORF3a ไม่ได้เลย หวังว่า BA.2.8 จะเป็นไวรัสที่โดนคุมได้ไม่แพร่ออกมาไวนะครับ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

Adblock test (Why?)


ดร.อนันต์ เปิดสาเหตุโควิดไวรัส BA.2 แพร่กระจายไวกว่าสายพันธุ์อื่น - มติชน
Read More

ยอดโควิดชลบุรี ติดเชื้อ RT-PCR+ATK เกือบ 8,000 ราย - TNN Online

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี รายงานว่า วันนี้มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ จากผล RT-PCR จำนวน 1,089 ราย ATK 6,831 ราย

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี รายงานว่า วันนี้มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ จากผล RT-PCR จำนวน 1,089 ราย ATK 6,831 ราย เสียชีวิต 4 ราย รวม 135 ราย (ยอดสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค. 65 ) 


ยอดโควิดชลบุรี ติดเชื้อพุ่งรวม ATK เกือบ 8,000 ราย

วันนี้มีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 1,089 ราย (ผู้ติดเชื้อยืนยัน RT-PCR) 

1. คนที่พักอาศัยในจังหวัดระยอง เข้ามารักษาในจังหวัดชลบุรี 95 ราย สะสม 4,484 ราย และจังหวัดอื่นๆรวมสะสม 1,367 ราย 

2. CLUSTER บริษัท ไทย เอ็นโอเค จำกัด อ.เมืองชลบุรี 3 ราย สะสม 68 ราย

3. อาชีพเสี่ยงพบปะผู้คนจำนวนมาก 27 ราย 

4. บุคลากรทางการแพทย์ 46 ราย 

5. ให้ประวัติเดินทางมาจากต่างจังหวัด 5 ราย ดังนี้

    5.1 จังหวัดเชียงใหม่ 2 ราย 

    5.2 กทม. 1 ราย 

    5.3 จังหวัดพิจิตร 1 ราย 

    5.4 จังหวัดสุโขทัย 1 ราย 

6. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน

    6.1 ในครอบครัว 249 ราย

    6.2 จากสถานที่ทำงาน 60 ราย 

    6.3 บุคคลใกล้ชิด 80 ราย 

    6.4 ร่วมวงสังสรรค์ 4 ราย

7. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน (อยู่ระหว่างสอบสวนโรค) 29 ราย 

8. อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 491 ราย

วันที่ 29 มีนาคม 2565 จังหวัดชลบุรี มีผู้ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม 930,913 คน ซึ่งในเดือนนี้ มีผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มแล้ว ติดเชื้อ 7,616   

คน (อัตราป่วย 818.12 ต่อแสนประชากร) เสียชีวิต 6 ราย (0.64 ต่อแสนประชากร), ใส่ท่อหายใจ 5 ราย (0.54 ต่อแสนประชากร), ปอดอักเสบ 8 ราย (0.86 ต่อแสนประชากร) 

มีผู้ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม 1,904,313 คน ซึ่งในเดือนนี้ มีผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ติดเชื้อ  10,951 คน (อัตราป่วย 575.06 ต่อแสนประชากร) เสียชีวิต 24 ราย (1.26 ต่อแสนประชากร), ใส่ท่อหายใจ 16 ราย (0.84 ต่อแสนประชากร), ปอดอักเสบ 23 ราย (1.21 ต่อแสนประชากร)

ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีนเพียง 1 เข็ม 132,978 คน และไม่ได้ฉีดวัคซีนอีก 291,782 คน รวม 424,760 คน ในเดือนนี้พบผู้ติดเชื้อที่ฉีดวัคซีนไม่ครบและยังไม่ได้ฉีดวัคซีน 15,744 คน  (อัตราป่วย 3,706.56 ต่อแสนประชากร), เสียชีวิต 57 ราย (13.42 ต่อแสนประชากร), ใส่ท่อหายใจ 13 ราย (3.06 ต่อแสนประชากร) , ปอดอักเสบ 53 ราย (12.48 ต่อแสนประชากร)

ภาพ  สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี 

Adblock test (Why?)


ยอดโควิดชลบุรี ติดเชื้อ RT-PCR+ATK เกือบ 8,000 ราย - TNN Online
Read More

โควิดไทย ติดเชื้อเพิ่ม ตายพุ่ง สวนทางทั่วโลก เตือน โอมิครอน รุนแรงน้อยกว่า เดลต้า แต่ติดแล้วตายได้เหมือนกัน - อมรินทร์ทีวี ช่อง34

หมอเปิดข้อมูล โควิดไทย ติดเชื้อเพิ่ม ตายพุ่ง สวนทางทั่วโลก-เอเชีย ที่มีอัตราลดลง โดยการติดเชื้อของคนไทยส่วนใหญ่เกิดจาก "การดำเนินชีวิตประจำวัน" ชี้ โอมิครอน อาการรุนแรงน้อยกว่าเดลต้า แต่ติดง่าย ป่วยได้ ตายได้เช่นเดียวกัน

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ประจำวันที่ 29 มี.ค. 65 โดยระบุว่า



"29 มีนาคม 2565 ทะลุ 482 ล้าน



เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มสูงถึง 881,528 คน ตายเพิ่ม 2,581 คน รวมแล้วติดไปรวม 482,800,292 คน เสียชีวิตรวม 6,150,944 คน



5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ เยอรมัน เกาหลีใต้ ออสเตรีย ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น



เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 9 ใน 10 อันดับแรก และ 15 ใน 20 อันดับแรกของโลก



จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 88.49 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 84.73



การติดเชื้อใหม่ในทวีปเอเชียนั้นคิดเป็นร้อยละ 36.74 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 37.03



...สถานการณ์ระบาดของไทย



เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่ รวม ATK สูงเป็นอันดับ 6 ของโลก และอันดับ 3 ของเอเชีย ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 11 ของโลก



...อัพเดตงานวิจัยเกี่ยวกับ BA.2



Chen LL และคณะจากฮ่องกง ศึกษาเปรียบเทียบระดับภูมิคุ้มกัน neutralizing antibody ที่จัดการกับเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ Omicron BA.2 กับ BA.1 พบว่าการดื้อต่อภูมิคุ้มกันนั้น BA.2 ดูจะมีแนวโน้มน้อยกว่า BA.1 อยู่บ้าง



ข้อสังเกตที่ได้จากผลวิจัยครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่า การแพร่ระบาดของ BA.2 ที่ไวกว่า BA.1 ซึ่งเป็นพันธุ์ดั้งเดิมนั้น น่าจะมีสาเหตุมาจากปัจจัยอื่น ที่ไม่ใช่เรื่องการดื้อต่อภูมิคุ้มกัน ได้แก่ สมรรถนะของตัวไวรัสที่แพร่และ/หรือติดได้ง่ายขึ้น หรือปัจจัยอื่นเกี่ยวกับคน พฤติกรรม และอื่นๆ



ทบทวนความรู้ที่เรามีเกี่ยวกับ BA.2 ในขณะนี้



หนึ่ง ติดไวกว่า BA.1 ราว 30%



สอง ติดเชื้อแล้วมีปริมาณไวรัสในช่องคอมากกว่า BA.1 ราว 2 เท่า



สาม สามารถจับกับตัวรับ ACE2 บนผิวเซลล์ได้ดีกว่า BA.1



สี่ อัตราการติดเชื้อไปยังผู้อื่น (secondary attack rate) สูงกว่า BA.1



ห้า ระยะเวลานับจากวันแรกที่คนที่ติดเชื้อคนแรกมีอาการ ไปยังคนที่รับเชื้อมีอาการ (serial interval) สั้นกว่า BA.1



หก การดื้อต่อภูมิคุ้มกัน ดูจะน้อยกว่า BA.1 อยู่บ้าง



...ปัจจุบัน ในไทยเรา การระบาดต่อเนื่อง กระจายทั่ว ส่วนใหญ่ติดเชื้อมาจากการดำเนินชีวิตประจำวัน ทั้งในที่ทำงาน ที่บ้าน งานเลี้ยงสังสรรค์ งานแต่งงาน งานศพ งานบวช รวมถึงสถานที่ที่มีคนหมู่มาก แออัด ระบายอากาศไม่ดี และที่ชัดเจนมากคือ ระหว่างการกินดื่มร่วมกับผู้อื่น เพราะเป็นช่วงที่ไม่ได้ป้องกันตัว



พึงระลึกไว้ว่า แม้ความรุนแรงจะน้อยกว่าสายพันธุ์เดลต้า แต่ติดง่าย ป่วยได้ ตายได้ รวมถึงอาจมีโอกาสส่งผลกระทบต่อชีวิตในระยะยาวจากภาวะ Long COVID ซึ่งจะบั่นทอนสมรรถนะในเรื่องความคิด ความจำ รวมถึงการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน และอาจทำให้เกิดโรคเรื้อรังไปตลอดชีวิต



ใส่หน้ากากเสมอ เว้นระยะห่างจากคนอื่น พบปะคนอื่นเท่าที่จำเป็น ใช้เวลาสั้นๆ เลี่ยงการกินดื่มหรือแชร์ของกินของใช้ร่วมกับผู้อื่น หากไม่สบาย ควรแจ้งคนใกล้ชิด แยกตัว หยุดเรียนหยุดงาน ไปตรวจรักษาให้หายดีเสียก่อน



คนที่ติดเชื้อมาก่อน ควรหมั่นตรวจสอบสุขภาพตนเองอย่างสม่ำเสมอ หากมีอาการผิดปกติต่างจากอดีต ควรปรึกษาแพทย์ และที่สำคัญคือ ติดแล้วมีโอกาสติดซ้ำได้ หากไม่ป้องกันตัว"


และอีกหนึ่งชุดข้อมูลโควิด-19 เปรียบเทียบ โควิดไทย-โควิดทั่วโลก โดย คุณหมอธีระ ได้โพสต์ว่า




"แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงรายสัปดาห์



ทั่วโลกติดเชื้อลดลง 11% ตายลดลง 19% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า



ทวีปเอเชียติดเชื้อลดลง 20% ตายลดลง 18% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า



ส่วนไทยเรา ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 4% (ยังไม่รวม ATK) และตายเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า

อ้างอิง : Worldometer (29 March 2022, 07.52 am)"





อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง




Adblock test (Why?)


โควิดไทย ติดเชื้อเพิ่ม ตายพุ่ง สวนทางทั่วโลก เตือน โอมิครอน รุนแรงน้อยกว่า เดลต้า แต่ติดแล้วตายได้เหมือนกัน - อมรินทร์ทีวี ช่อง34
Read More

Sunday, March 27, 2022

นพ.ธีระ เปิดผลศึกษาโควิดกลับมาระบาดซ้ำ พบโอมิครอน BA.2 ติดเชื้อง่ายกว่า BA.1 : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์

นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุความคืบหน้าของงานวิจัยเกี่ยวกับโอมิครอนสายพันธุ์ BA.2 โดย Lentini A และคณะ ได้เผยแพร่ผลการศึกษาในประเทศสวีเดน ใน medRxiv เมื่อวานนี้ (27 มี.ค. 65) พบว่า คนที่ติดเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ BA.2 นั้นจะมีปริมาณไวรัสในช่องคอ มากกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมอย่าง BA.1 ถึง 2 เท่า จึงเป็นหลักฐานอธิบายปรากฏการณ์ที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญการกลับมาระบาดซ้ำมากขึ้นของโอมิครอน BA.2 ซึ่งตอนนี้เป็นสายพันธุ์หลักไปแล้ว

ทั้งนี้ ยิ่งปริมาณไวรัสเยอะ ยิ่งมีโอกาสแพร่ได้มาก โดยผลการศึกษาของสวีเดนชี้ให้เห็นปริมาณไวรัสในช่องคอ ซึ่งเป็นทางเดินหายใจส่วนบน จึงทำให้มีโอกาสแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้ง่าย ไม่ว่าจะจากการพบปะพูดคุยคลุกคลีใกล้ชิด หรือแชร์ของกินและอุปกรณ์ภาชนะที่ใช้กินดื่ม รวมถึงบุหรี่ และอื่นๆ

ในขณะเดียวกัน ทาง UK HSA ได้ออกตารางสรุปเกี่ยวกับความรู้ที่มีขณะนี้เรื่องสายพันธุ์ BA.2 ดังนี้

1. สามารถจับกับตัวรับ ACE2 บนผิวเซลล์ได้ดีกว่า BA.1 ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะอธิบายสมรรถนะการติดเชื้อแพร่เชื้อที่มากกว่าเดิม

2. อัตราการติดเชื้อไปยังผู้อื่น (secondary attack rate) สูงกว่า BA.1

3. ระยะเวลานับจากวันแรกที่คนที่ติดเชื้อคนแรกมีอาการ ไปยังคนที่รับเชื้อมีอาการ (serial interval) สั้นกว่า BA.1

อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้ข้อมูลเท่าที่มีจะมีแนวโน้มว่า BA.2 มีความรุนแรงไม่ต่างจาก BA.1 แต่ด้วยสมรรถนะการแพร่เชื้อติดเชื้อที่มากขึ้นกว่าเดิม จำนวนเคสที่มากขึ้นก็จะส่งผลต่อจำนวนการป่วยหรือเสียชีวิตที่อาจมากขึ้นได้ ดังนั้น การป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอเป็นกิจวัตรจึงสำคัญมาก

“ไทยขณะนี้ BA.2 ก็เป็นตัวหลักเช่นกัน และสถิติติดเชื้อรายวันและเสียชีวิตรายวันก็ติดอันดับโลกมาตลอด ดังนั้น ใส่หน้ากาก พบปะคนเท่าที่จำเป็น ใช้เวลาสั้นๆ เลี่ยงการกินดื่มหรือแชร์ของกินของใช้ร่วมกับผู้อื่น หากไม่สบาย ควรแจ้งคนใกล้ชิด แยกจากผู้อื่น และหยุดเรียนหยุดงาน ไปตรวจรักษาให้หายดีเสียก่อน ส่วนคนที่เคยติดเชื้อมาก่อน ก็สามารถติดเชื้อซ้ำได้ ดังนั้น จึงต้องป้องกันตัวด้วย นอกจากนี้ ยังควรหมั่นตรวจเช็คสมรรถนะสุขภาพของตนเอง หากมีอะไรที่ผิดปกติต่างไปจากอดีต ควรปรึกษาแพทย์ เพราะมีโอกาสเป็น Long COVID ได้ โดยที่เกิดได้แทบทุกระบบของร่างกาย”

นพ.ธีระ ระบุ

สำหรับสถานการณ์ระบาดโควิด-19 วานนี้ (27 มี.ค. 65) ทั่วโลกติดเพิ่มสูงถึง 989,476 คน ตายเพิ่ม 2,324 คน รวมแล้วติดไปรวม 481,859,155 คน เสียชีวิตรวม 6,147,878 คน โดย 5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุด คือ ประเทศเกาหลีใต้ ฝรั่งเศส เวียดนาม เยอรมนี และอิตาลี โดยเมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 9 ใน 10 อันดับแรก และ 15 ใน 20 อันดับแรกของโลก

ทั้งนี้ จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็น 90.85% ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็น 82.22% การติดเชื้อใหม่ในทวีปเอเชียนั้นคิดเป็น 56.48% ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็น 47.46%

ในส่วนของสถานการณ์ระบาดของไทย เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่ รวม Antigen Test Kit (ATK) สูงเป็นอันดับ 6 ของโลก และอันดับ 3 ของเอเชีย ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 10 ของโลก

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 มี.ค. 65)

Tags: , , , ,

Adblock test (Why?)


นพ.ธีระ เปิดผลศึกษาโควิดกลับมาระบาดซ้ำ พบโอมิครอน BA.2 ติดเชื้อง่ายกว่า BA.1 : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์
Read More

"หมอธีระ" ชี้ ไทยตอนนี้ BA.2 เป็นตัวหลัก สถิติติดเชื้อโควิด - เสียชีวิตรายวัน ติดอันดับโลก - สยามรัฐ

วันที่ 28 มี.ค.65 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุข้อความว่า...

ทะลุ 481 ล้าน

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มสูงถึง 989,476 คน ตายเพิ่ม 2,324 คน รวมแล้วติดไปรวม 481,859,155 คน เสียชีวิตรวม 6,147,878 คน

5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส เวียดนาม เยอรมัน และอิตาลี

เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 9 ใน 10 อันดับแรก และ 15 ใน 20 อันดับแรกของโลก

จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 90.85 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 82.22

การติดเชื้อใหม่ในทวีปเอเชียนั้นคิดเป็นร้อยละ 56.48 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 47.46

...สถานการณ์ระบาดของไทย

เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่ รวม ATK สูงเป็นอันดับ 6 ของโลก และอันดับ 3 ของเอเชีย

ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 10 ของโลก

...อัพเดตงานวิจัยเกี่ยวกับสายพันธุ์ BA.2

Lentini A และคณะ ได้เผยแพร่ผลการศึกษาในประเทศสวีเดน ใน medRxiv เมื่อวานนี้ 27 มีนาคม 2565

พบว่า คนที่ติดเชื้อ Omicron สายพันธุ์ BA.2 นั้นจะมีปริมาณไวรัสในช่องคอ มากกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมอย่าง BA.1 ถึง 2 เท่า

นั่นจึงเป็นหลักฐานอธิบายปรากฏการณ์ที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญการกลับมาระบาดซ้ำมากขึ้นของ Omicron BA.2 ซึ่งตอนนี้เป็นสายพันธุ์หลักไปแล้ว

ยิ่งปริมาณไวรัสเยอะ ยิ่งมีโอกาสแพร่ได้มาก ทั้งนี้ผลการศึกษาของสวีเดนนี้ชี้ให้เห็นปริมาณไวรัสในช่องคอ ซึ่งเป็นทางเดินหายใจส่วนบน จึงทำให้มีโอกาสแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้ง่าย ไม่ว่าจะจากการพบปะพูดคุยคลุกคลีใกล้ชิด หรือแชร์ของกินและอุปกรณ์ภาชนะที่ใช้กินดื่ม รวมถึงบุหรี่และอื่นๆ

ในขณะเดียวกัน ทาง UK HSA ก็ได้ออกตารางสรุปเกี่ยวกับความรู้ที่มีขณะนี้เรื่องสายพันธุ์ BA.2 ดังนี้

หนึ่ง สามารถจับกับตัวรับ ACE2 บนผิวเซลล์ได้ดีกว่า BA.1 ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะอธิบายสมรรถนะการติดเชื้อแพร่เชื้อที่มากกว่าเดิม

สอง อัตราการติดเชื้อไปยังผู้อื่น (secondary attack rate) สูงกว่า BA.1

สาม ระยะเวลานับจากวันแรกที่คนที่ติดเชื้อคนแรกมีอาการ ไปยังคนที่รับเชื้อมีอาการ (serial interval) สั้นกว่า BA.1

แม้ขณะนี้ข้อมูลเท่าที่มี จะมีแนวโน้มว่า BA.2 มีความรุนแรงไม่ต่างจาก BA.1 แต่ด้วยสมรรถนะการแพร่เชื้อติดเชื้อที่มากขึ้นกว่าเดิม จำนวนเคสที่มากขึ้นก็จะส่งผลต่อจำนวนการป่วยหรือเสียชีวิตที่อาจมากขึ้นได้

การป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอ เป็นกิจวัตร จึงสำคัญมาก

ไทยเราตอนนี้ BA.2 ก็เป็นตัวหลักเช่นกัน และสถิติติดเชื้อรายวันและเสียชีวิตรายวันก็ติดอันดับโลกมาตลอด

ใส่หน้ากากนะครับ พบปะคนเท่าที่จำเป็น ใช้เวลาสั้นๆ เลี่ยงการกินดื่มหรือแชร์ของกินของใช้ร่วมกับผู้อื่น หากไม่สบาย ควรแจ้งคนใกล้ชิด แยกจากผู้อื่น และหยุดเรียนหยุดงาน ไปตรวจรักษาให้หายดีเสียก่อน

ส่วนคนที่เคยติดเชื้อมาก่อน ก็สามารถติดเชื้อซ้ำได้ ดังนั้นจึงต้องป้องกันตัวด้วย นอกจากนี้ยังควรหมั่นตรวจเช็คสมรรถนะสุขภาพของตนเอง หากมีอะไรที่ผิดปกติต่างไปจากอดีต ควรปรึกษาแพทย์ เพราะมีโอกาสเป็น Long COVID ได้ โดยที่เกิดได้แทบทุกระบบของร่างกาย

อ้างอิง

Lentini A et al. Monitoring of the SARS-CoV-2 Omicron BA.1/BA.2 variant transition in the Swedish population reveals higher viral quantity in BA.2 cases. medRxiv. 27 March 2022.

Adblock test (Why?)


"หมอธีระ" ชี้ ไทยตอนนี้ BA.2 เป็นตัวหลัก สถิติติดเชื้อโควิด - เสียชีวิตรายวัน ติดอันดับโลก - สยามรัฐ
Read More

รู้ทัน 'มะเร็งเต้านม' ภัยร้ายตัวฉกาจ คร่าชีวิตหญิงไทย 13 คนต่อวัน แต่รักษาให้ 'หายขาดได้' หากรู้เร็ว - The Coverage

“มะเร็งเต้านม” นับเป็นภัยร้ายอันดับ 1 ของหญิงไทยรวมไปถึงพบได้บ่อยที่สุดในหญิงทั่วโลก กรมการแพทย์ โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ก็ได้มีการออกคำแนะนำให้มีหมั่นตรวจเต้านมด้วยตนเองทุกเดือน และสังเกตความผิดปกติ เช่น ขนาดหรือรูปร่างของเต้านมที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เป็นแผลและอาจมีน้ำเหลืองหรือของเหลวสีคล้ายเลือดไหลออกมาหรือเป็นผื่นบริเวณหัวนมซึ่งหากพบแพทย์ในระยะแรกสามารถก็จะสามารถรักษาหายขาดได้

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ อธิบายว่า “ภัยของมะเร็งเต้านม” ถือเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของทุกประเทศทั่วโลก ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก รายงานว่าปัจจุบันพบผู้ป่วยมะเร็งเต้านมรายใหม่ทั่วโลกประมาณ 2.3 ล้านคน เสียชีวิตราว 685,000 คนต่อปี

สำหรับประเทศไทย มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในผู้หญิงไทย จากข้อมูลในปี พ.ศ.2563 พบว่ามีผู้หญิงไทยป่วยด้วยมะเร็งเต้านมรายใหม่ราว 18,000 คนต่อปี หรือคิดเป็น 49 คนต่อวัน และมีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมราว 4,800 คน หรือคิดเป็น 13 คนต่อวัน

อย่างไรก็ดี แนวโน้มอัตราการเกิดโรคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็คาดการณ์ว่าในปี พ.ศ.2566 จะพบผู้ป่วยมะเร็งเต้านมรายใหม่ราว 22,000 คนต่อปี 

“สาเหตุของการเกิดมะเร็งเต้านมยังไม่ทราบแน่ชัด แต่พบว่ามีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคได้มากขึ้นจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น รับประทานอาหารไขมันสูง ขาดการออกกำลังกาย และดื่มสุรา รวมถึงบางปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ความผิดปกติทางพันธุกรรม และอายุที่มากขึ้น เป็นต้น” นพ.สมศักดิ์ ระบุ  

ด้าน พญ.ชญานุตม์ รัตตดิลก ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมเต้านม สถาบันมะเร็งแห่งชาติ เสริมว่า มะเร็งเต้านมเกิดจากเนื้อเยื่อที่มีความผิดปกติส่วนใดส่วนหนึ่งภายในเต้านมแล้วเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์มะเร็ง อาจลุกลามไปยังเนื้อเยื่อข้างเคียงและแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกายได้ ซึ่งมะเร็งเต้านมสามารถพบทั้งในเพศหญิงและเพศชาย แต่พบในเพศชายในอัตราที่น้อยมาก

อย่างไรก็ดี ผู้หญิงที่มีอายุมากขึ้นจะมีความเสี่ยงมะเร็งเต้านมมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป หรือกลุ่มที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ โดยผู้ป่วยมะเร็งเต้านมในระยะแรกอาจไม่แสดงอาการและมักมาพบแพทย์ด้วยการคลำพบก้อนเนื้อในเต้านมหรือบริเวณรักแร้

สำหรับอาการอื่นๆ อาจสังเกตได้จากขนาดหรือรูปร่างของเต้านมที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เป็นแผลและอาจมีน้ำเหลืองหรือของเหลวสีคล้ายเลือดไหลออกมาหรือเป็นผื่นบริเวณหัวนม

พญ.ชญานุตม์ อธิบายเพิ่มเติมว่า ในด้านการรักษามะเร็งเต้านมมีหลายวิธี เช่น การผ่าตัด การฉายรังสี การรักษาด้วยเคมีบำบัด การรักษาด้วยยาแบบมุ่งเป้า และฮอร์โมน หรือแพทย์อาจใช้หลายวิธีร่วมกันในการรักษาซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทีมแพทย์และระยะของโรค สุขภาพและความต้องการของผู้ป่วย แม้ว่ามะเร็งเต้านมจะเป็นโรคที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน แต่ก็เป็นมะเร็งที่มีโอกาสรักษาหายขาดหากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มแรก

“เราสามารถตรวจคัดกรองเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำทุกเดือน เข้ารับการตรวจจากแพทย์หรือพยาบาลเป็นครั้งคราว ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงควรเข้ารับการตรวจอัลตร้าซาวน์ร่วมกับเอกซเรย์เต้านม (Mammogram) โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติญาติสายตรงเป็นมะเร็งเต้านม” พญ.ชญานุตม์ ระบุ

Adblock test (Why?)


รู้ทัน 'มะเร็งเต้านม' ภัยร้ายตัวฉกาจ คร่าชีวิตหญิงไทย 13 คนต่อวัน แต่รักษาให้ 'หายขาดได้' หากรู้เร็ว - The Coverage
Read More

สวพ. FM 91 สถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัยและการจราจร - สวพ. FM 91 สถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัยและการจราจร

28 มี.ค. 2565 | 05:16:20

สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก วันที่ 28 มีนาคม 2565 เวลา 05.00 น. 

ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกจำนวน 481,839,730 ราย รักษาอาการดีขึ้น 416,029,188 ราย เเละเสียชีวิตสะสม 6,147,741 ราย 

1. ประเทศ สหรัฐอเมริกา ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 81,618,888 ราย เสียชีวิต 1,003,430 คน (เพิ่มขึ้น 5 คน) 
2. ประเทศ อินเดีย ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 43,020,651 ราย เสียชีวิต 521,066 คน (เพิ่มขึ้น 32 คน) 
3. ประเทศ บราซิล ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 29,842,418 ราย เสียชีวิต 658,879 คน (เพิ่มขึ้น 67 คน) 
4. ประเทศ ฝรั่งเศส ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 25,029,573 ราย เสียชีวิต 141,672 คน (เพิ่มขึ้น 41 คน) 
5. ประเทศ เยอรมนี ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 20,251,037 ราย เสียชีวิต 128,947 คน (เพิ่มขึ้น 190 คน) 

ประเทศไทยอยู่อันดับ 32 ของโลก ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 3,529,085 ราย (เพิ่มขึ้น 25,821 ราย) เสียชีวิต 24,802 คน (เพิ่มขึ้น 84 คน)


Share this:

Adblock test (Why?)


สวพ. FM 91 สถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัยและการจราจร - สวพ. FM 91 สถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัยและการจราจร
Read More

"10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด" 3 จว.น่าห่วงติดเชื้อเกินพันราย ป่วยหนักพุ่งสูง - คมชัดลึก

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์ "โควิดวันนี้" อัปเดต "10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด" กรุงเทพมหานคร พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังคงสูงต่อเนื่องโดยวันนี้พบติดเชื้อเพิ่ม  2,749 ราย ป่วยสะสะสมแล้ว 181,562 ราย   นอกจากนี้ยังมี  2 จังหวัดที่พบอัตราผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังคงสูงเกินพันราย อีกทั้งยังเป็นพื้นที่อ่อนไหว และมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มจนติดเชิเอแตะหลักพันต่อเนื่อง ได้แก่  นครศรีธรรมราช  และ ชลบุรี 

"10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด" ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศไทยวันที่ 27 มีนาคม 2565 


1.กรุงเทพมหานคร          2,749  ราย 
2.นครศรีธรรมราช          1,537  ราย 
3.ชลบุรี                         1,293 ราย
4.สมุทรสาคร                  955   ราย    
5.สมุทรปราการ               870  ราย 
6.สงขลา                        783   ราย 
7.พระนครศรีอยุธยา         664  ราย 
8.นนทบุรี                       633  ราย 
9.ขอนแก่น                     624  ราย 
10.ราชบุรี                      611  ราย  

"10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด" 3 จว.น่าห่วงติดเชื้อเกินพันราย ป่วยหนักพุ่งสูง

สถานการณ์การติดเชื้อ "โควิด19" ในประเทศวันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม 2565  

ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565

  • ผู้ป่วยรายใหม่ 25,821 ราย
  • ผู้ป่วยยืนยันสะสม 1,305,650 ราย
  • หายป่วยแล้ว 1,083,856 ราย
  • เสียชีวิตสะสม 3,101 ราย
  • อาการหนัก  1,672 ราย 

ข้อมูลสะสมตั้งแต่ปี 2563

  • ผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,529,085 ราย
  • หายป่วยแล้ว 3,252,350 ราย
  • เสียชีวิตสะสม 24,799 ราย

มีผู้รับ "วัคซีนโควิด" สะสมทั้งหมด จำนวน 128,649,461 โดส ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 - 26 มีนาคม 2565

  • เข็มที่ 1 จำนวน 69,048 ราย
  • เข็มที่ 2 จำนวน 22,104 ราย
  • เข็มที่ 3 จำนวน 158,881 ราย

"10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด" 3 จว.น่าห่วงติดเชื้อเกินพันราย ป่วยหนักพุ่งสูง

Adblock test (Why?)


"10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด" 3 จว.น่าห่วงติดเชื้อเกินพันราย ป่วยหนักพุ่งสูง - คมชัดลึก
Read More

อันตราย! หมอธีระเตือน ติดโควิดร่วมไข้หวัดใหญ่ เสี่ยงป่วยรุนแรง-เสียชีวิต - SpringNews

 หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุข คาดการณ์หลังเทศกาลสงกรานต์ หากไม่ป้องกันอาจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 แตะหลักแสนคนต่อวัน แนะนำประชาชนที่เล่นน้ำสงกรานต์และหน้ากากอนามัยแนะนำให้เปลี่ยนทันทีเพราะประสิทธิภาพลดลง

 ล่าสุด  ร.ศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat อัปเดตสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ระบุว่า

เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อโควิด-19ใหม่ รวม ATK สูงเป็นอันดับ 8 ของโลก และอันดับ 4 ของเอเชีย

ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตจากโควิด-19 เมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 15 ของโลก

...อัพเดตงานวิจัย

หากติดเชื้อโรคโควิด-19 พร้อมกับไข้หวัดใหญ่ จะทำให้ป่วยรุนแรงขึ้นมาก

Swets MC และคณะ เผยแพร่ผลการวิจัยใน The Lancet วันที่ 25 มีนาคม 2565

พบว่า คนที่ติดเชื้อโควิด-19 พร้อมกับไข้หวัดใหญ่ จะเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากกว่าคนที่ติดโควิด-19 อย่างเดียวถึง 2.35 เท่า

และเสี่ยงต่อการต้องใช้เครื่องช่วยหายใจมากขึ้น 4.14 เท่า

Adblock test (Why?)


อันตราย! หมอธีระเตือน ติดโควิดร่วมไข้หวัดใหญ่ เสี่ยงป่วยรุนแรง-เสียชีวิต - SpringNews
Read More

กรมการแพทย์เผยภัยของมะเร็งเต้านม คาดปี 66 ไทยพบป่วยใหม่ราว 2.2 หมื่นคน - มติชน

วันนี้ (27 มีนาคม 2565) นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึง “ภัยของมะเร็งเต้านม” ซึ่งถือเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของทุกประเทศทั่วโลก ว่า ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก รายงานว่าปัจจุบันพบผู้ป่วยมะเร็งเต้านมรายใหม่ทั่วโลกประมาณ 2.3 ล้านคน เสียชีวิตราว 685,000 คนต่อปี สำหรับประเทศไทย มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในผู้หญิงไทย จากข้อมูลในปี 2563 พบว่ามีผู้หญิงไทยป่วยด้วยมะเร็งเต้านมรายใหม่ราว 18,000 คนต่อปี หรือคิดเป็น 49 คนต่อวัน และมีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมราว 4,800 คน หรือคิดเป็น 13 คนต่อวัน ซึ่งแนวโน้มอัตราการเกิดโรคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

คาดการณ์ว่าในปี 2566 จะพบผู้ป่วยมะเร็งเต้านมรายใหม่ราว 22,000 คนต่อปี สำหรับสาเหตุของการเกิดมะเร็งเต้านมยังไม่ทราบแน่ชัด แต่พบว่า มีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคได้มากขึ้นจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น รับประทานอาหารไขมันสูง ขาดการออกกำลังกาย และดื่มสุรา รวมถึงบางปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ความผิดปกติทางพันธุกรรม และอายุที่มากขึ้น เป็นต้น” นพ.สมศักดิ์ กล่าว

ด้าน พญ.ชญานุตม์ รัตตดิลก ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมเต้านม สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า มะเร็งเต้านมเกิดจากเนื้อเยื่อที่มีความผิดปกติส่วนใดส่วนหนึ่งภายในเต้านมแล้วเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์มะเร็ง อาจลุกลามไปยังเนื้อเยื่อข้างเคียงและแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกายได้ มะเร็งเต้านมสามารถพบทั้งในเพศหญิงและเพศชาย แต่พบในเพศชายในอัตราที่น้อยมาก ผู้หญิงที่มีอายุมากขึ้นจะมีความเสี่ยงมะเร็งเต้านมมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป หรือกลุ่มที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมในระยะแรกอาจไม่แสดงอาการและมักมาพบแพทย์ด้วยการคลำพบก้อนเนื้อในเต้านมหรือบริเวณรักแร้ อาการอื่นๆ อาจสังเกตได้จากขนาดหรือรูปร่างของเต้านมที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เป็นแผลและอาจมีน้ำเหลืองหรือของเหลวสีคล้ายเลือดไหลออกมาหรือเป็นผื่นบริเวณหัวนม

“ในด้านการรักษามะเร็งเต้านมมีหลายวิธี เช่น การผ่าตัด การฉายรังสี การรักษาด้วยเคมีบำบัด การรักษาด้วยยาแบบมุ่งเป้า และฮอร์โมน หรือแพทย์อาจใช้หลายวิธีร่วมกันในการรักษาซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทีมแพทย์และระยะของโรค สุขภาพและความต้องการของผู้ป่วย แม้ว่ามะเร็งเต้านมจะเป็นโรคที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน แต่ก็เป็นมะเร็งที่มีโอกาสรักษาหายขาดหากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มแรก เราสามารถตรวจคัดกรองเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำทุกเดือน เข้ารับการตรวจจากแพทย์หรือพยาบาลเป็นครั้งคราว ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงควรเข้ารับการตรวจอัลตร้าซาวน์ร่วมกับเอกซเรย์เต้านม (Mammogram) โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติญาติสายตรงเป็นมะเร็งเต้านม” พญ.ชญานุตม์ กล่าว

Adblock test (Why?)


กรมการแพทย์เผยภัยของมะเร็งเต้านม คาดปี 66 ไทยพบป่วยใหม่ราว 2.2 หมื่นคน - มติชน
Read More

Friday, March 25, 2022

ข่าวโควิดวันนี้ 10 จังหวัดติดเชื้อรายใหม่สูงสุด กรุงเทพฯพุ่ง 3,739 ราย - ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวโควิดวันนี้ 10 จังหวัดติดเชื้อรายใหม่สูงสุด กรุงเทพฯพุ่ง 3,739 ราย

สำหรับจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศ(ตั้งแต่ปี 63) มีจำนวน 3,477,030 ราย ผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ 244,111 ราย ผู้ป่วยรักษาหายสะสม(ตั้งแต่ปี 63) 3,208,271 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 22,219 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 69 ราย ยอดเสียชีวิตสะสม (ตั้งแต่ปี 63) 24,649 ราย
 

Adblock test (Why?)


ข่าวโควิดวันนี้ 10 จังหวัดติดเชื้อรายใหม่สูงสุด กรุงเทพฯพุ่ง 3,739 ราย - ฐานเศรษฐกิจ
Read More

"โควิดวันนี้" ชลบุรี ยอดติดเชื้อรวม ATK 7669 ราย บุคลากรฯ 30 เสียชีวิตเพิ่ม 1 - กรุงเทพธุรกิจ

"โควิดวันนี้" (25 มี.ค.2565) สถานการณ์ โควิด-19 จ.ชลบุรี มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 1,090 ราย ไม่รวม ATK อีก 6,579 ราย มีรายงานยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 125 ราย

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

- ยอด โควิด-19 วันนี้ ติดเชื้อเพิ่ม 26,050 ราย ตาย 69 ราย

- "โควิด-19" อาการ Long Covid หลังป่วย ผลวิจัยเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานภายใน 1 ปี

- เปิดเงื่อนไขคนได้รับ "ยาแพกซ์โลวิด" หลังไทยสั่งซื้อ 50,000 คอร์ส รักษาโควิด

"โควิดวันนี้" 25 มีนาคม 2565 จังหวัดชลบุรี มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 1,090 ราย ไม่รวม ATK อีก 6,579 ราย เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย

1.คนที่พักอาศัยในจังหวัดระยอง เข้ามารักษาในจังหวัดชลบุรี 53 ราย สะสม 4,117 ราย และจังหวัดอื่นๆรวมสะสม 1,284 ราย

2.คลัสเตอร์ บริษัท ไทย เอ็นโอเค จำกัด อ.เมืองชลบุรี 8 ราย สะสม 33 ราย

3.คลัสเตอร์ บริษัท โตโยด้า โกเซ (ประเทศไทย) จำกัด อ.พานทอง 3 ราย สะสม 59 ราย

4.อาชีพเสี่ยงพบปะผู้คนจำนวนมาก 21 ราย

5.บุคลากรทางการแพทย์ 30 ราย

6.ให้ประวัติเดินทางมาจากต่างจังหวัด (จังหวัดยโสธร 1 ราย)

7.สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน

  • ในครอบครัว 260 ราย
  • จากสถานที่ทำงาน 67 ราย
  • บุคคลใกล้ชิด 55 ราย
  • ร่วมวงสังสรรค์ 2 ราย

8.สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน (อยู่ระหว่างสอบสวนโรค) 28 ราย

9.อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 562 ราย

ณ วันที่ 25 มีนาคม 2565 จังหวัดชลบุรี มีผู้ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม 917,981
คน ซึ่งในเดือนนี้ มีผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มแล้ว ติดเชื้อ 6,436 คน (อัตราป่วย 701.10 ต่อแสนประชากร) เสียชีวิต 5 ราย (0.54 ต่อแสนประชากร), ใส่ท่อหายใจ 4 ราย (0.44 ต่อแสนประชากร), ปอดอักเสบ 8 ราย (0.87 ต่อแสนประชากร)

มีผู้ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม 1,902,328 คน ซึ่งในเดือนนี้ มีผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ติดเชื้อ 9,569 คน (อัตราป่วย 503.02 ต่อแสนประชากร) เสียชีวิต 21 ราย (1.10 ต่อแสนประชากร), ใส่ท่อหายใจ 13 ราย (0.68 ต่อแสนประชากร) , ปอดอักเสบ 18 ราย (0.95 ต่อแสนประชากร)

ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีนเพียง 1 เข็ม 126,771 คน และไม่ได้ฉีดวัคซีนอีก 299,974 คน รวม 426,745 คน ในเดือนนี้พบผู้ติดเชื้อที่ฉีดวัคซีนไม่ครบและยังไม่ได้ฉีดวัคซีน 13,229 คน (อัตราป่วย 3,099.98 ต่อแสนประชากร), เสียชีวิต 51 ราย (11.95 ต่อแสนประชากร), ใส่ท่อหายใจ 10 ราย (2.34 ต่อแสนประชากร) , ปอดอักเสบ 46 ราย (10.78 ต่อแสนประชากร)

วันนี้ ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจรายใหม่ 2 ราย (รายที่หนึ่งพบประวัติการรับวัคซีนสามเข็มเมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2565 , รายที่สองพบประวัติการรับวัคซีนสองเข็มเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.2564), พบผู้ป่วยปอดอับเสบรายใหม่ 1 ราย (พบประวัติการรับวัคซีนสองเข็มเมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2564), และพบผู้เสียชีวิตรายใหม่ 1 ราย (อายุ 65 ปี) สาเหตุที่นำไปสู่การเสียชีวิตคือ เป็นผู้สูงอายุ และมีโรคประจำตัวได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดผิดปกติ (ไม่พบประวัติการรับวัคซีน)

ดังนั้น การฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์กล่าวคือต้องได้รับการกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดเข็มที่สาม จะช่วยลดความรุนแรงของโควิด-19 ผู้ที่อาศัยในจังหวัดชลบุรี ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือฉีดวัคซีนไม่ครบ มีโอกาสที่จะมีอาการรุนแรงมากกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 และกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ จะมีอาการมากกว่ากลุ่มอื่น

ขณะนี้มีการระบาดเป็นวงกว้างทั้งจังหวัดชลบุรี ร้านอาหารจำหน่ายสแอลกอฮอล์ ต้องคัดกรองลูกค้าด้วย ATK ทุกคน ขณะนี้เริ่มมีการระบาดในสถานประกอบการจำนวนมาก พนักงานต้องได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์และเคร่งครัดในมาตรการองค์กร

1. เลิกงานไม่สังสรรค์

2. อาหารต้องไม่ทานใกล้ชิดด้วย

3. ป่วยต้องหยุด

4. จุดสัมผัสร่วม ต้องทำความสะอาดบ่อยๆ เช่น ลูกบิด ราวบันได สแกนนิ้วมือเซ็นชื่อแล้วต้องล้างมือทันที

5. เคร่งครัดในสุขอนามัยส่วนบุคคล ใส่แมสก์ตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ อยู่ห่างๆกัน

สำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต้องมีการกักตัวอย่างเข้มงวด ไม่ออกไปแพร่เชื้อ

การควบคุมป้องกันการระบาดของโควิด-19 ในจังหวัดชลบุรี อยู่บนพื้นฐานของสมดุลระหว่าง การควบคุมโรค เศรษฐกิจ สังคม

ปัจจัยความเร็วในการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขึ้นกับการเคลื่อนที่นอกบ้านของประชาชน ความใกล้ชิดกัน รวมทั้งระยะเวลาในการใกล้ขิดกัน นอกเหนือจากการไม่เคร่งครัดในสุขอนามัยส่วนบุคคล หากไม่ล้างมือก่อนจับหน้า เชื้อเข้าทางจมูก ปากตา ทำให้มีการติดเชื้อและแพร่ระบาดได้

ในสภาวะการณ์ที่โควิด-19 มีการระบาดในวงกว้าง จนอาจกลายเป็นโรคประจำถิ่น เชื้อไม่ได้หมดสิ่นไป ทำให้มีโอกาสในการติดเชื้อได้ แต่ต้องไม่ให้เกิดการระบาดจนระบบสาธารณสุขรองไม่ได้ และต้องไม่เสียชีวิต ดังนั้นจึงขอความร่วมมือทุกภาคส่วนปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคของจังหวัดชลบุรี

ค้นให้ตรงเป้า เฝ้าให้ตรงจุด ร่วมใจฉีดวัคซีน สู่โรคประจำถิ่น

1.ค้นให้ตรงเป้า ผู้ที่มีอาการไข้หวัด ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้ที่ได้วัคซีนไม่ครบ มีโอกาสเสี่ยงต่อความรุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่นๆ ต้องได้รับการตรวจคัดกรองด้วย ATK

2.เฝ้าให้ตรงจุด สถานที่ที่มีกลุ่มเปาะบาง เสี่ยงค่อความรุนแรงหรือเสี่ยงต่อการควบคุมการระบาดได้ยาก หากเกิดการระบาดขึ้น ต้องได้รับการคัดกรองด้วยATK สม่ำเสมอ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน สถานพักพิงคนพิการ ร้านอาหารจำหน่ายแอลกอฮอล์ ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่เป็นผู้สูงอายุ หรือมีโรคประจำตัว

3.ร่วมใจฉีดวัคซีน วัคซีนลดความรุนแรงของโควิด-19 ได้ 100% แต่ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว ยังคงสามารถติดเชื้อโควิด-19 ได้ ยังคงต้องมีสุขอนามมัยส่วนบุคคล ขอความร่วมมือทุกท่านในการฉีดวัคซีน เพื่อลดความเร็วในการระบาด และลดความรุนแรงของโควิด-19 โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประตำตัว ขณะนี้ยังคงมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว และเป็นผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีน

4.สู่โรคประจำถิ่น เชื้อโควิด-19 ได้ลดความรุนแรงลง และเข้าเป็นโรคประจำถิ่น ในที่สุด ทุกคนป้องกันตัวเองตามมาตรการ univeral protection ยังคงเคร่งครัดในสุขอนามัยส่วนบุคคล โดยเฉพาะช่วงที่กำลังมีการระบาดในวงกว้าง เพื่อชลอการระบาดไม่ให้รวดเร็วเกินไป ให้ดำเนินการตามมาตรการ คัดการด้วย ATK ก่อน และสามารถแยกกักที่บ้านได้หากไม่มีอาการและไม่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุหรือมีโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อความรุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่นๆ

"โควิดวันนี้" ชลบุรี ยอดติดเชื้อรวม ATK 7,669 ราย บุคลากรฯ 30 เสียชีวิตเพิ่ม 1

ที่มา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี สสจ.ชลบุรี

Adblock test (Why?)


"โควิดวันนี้" ชลบุรี ยอดติดเชื้อรวม ATK 7669 ราย บุคลากรฯ 30 เสียชีวิตเพิ่ม 1 - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

เปิดยอดโควิด 50 เขต กทม. วันนี้มี 9 เขตทะลุ 100 ราย "บางแค" แชมป์! - TNN Online

เปิดยอดโควิด 50 เขต กทม. วันนี้มี 9 เขตทะลุ 100 ราย "บางแค" มากสุด 218 ราย บางเขน รั้งอันดับ 2

วันนี้( 24 มี.ค.65) ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 27,024 ราย ประกอบด้วย

- ผู้ติดเชื้อในประเทศจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 26,740 ราย

- จากการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 184 ราย และจากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 54 ราย

- ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 46 ราย ส่วนผู้ติดเชื้อเข้าข่ายด้วยการตรวจ ATK 26,768 ราย

- เสียชีวิต 82 ราย

สำหรับจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศตั้งแต่ต้นปี 63 จนถึงล่าสุดอยู่ที่ 3,450,980 ราย โดยมีผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่มขึ้น 23,721 ราย ยอดเสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็น 24,579 ราย

เปิดยอดโควิด 50 เขต กทม. วันนี้มี 9 เขตทะลุ 100 ราย "บางแค" แชมป์

ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์ ได้รายงานยอดผู้ติดเชื้อทั้ง 50 เขตของวันนี้ โดย 10 เขตที่พบเชื้อมากสุดคือ

1.บางแค 218 ราย

2.บางบอน 195 ราย

3.ราชเทวี 168 ราย

4.บางพลัด 143 ราย

5.บางกอกน้อย 136 ราย

6.จอมทอง 134 ราย

7.หนองแขม 128 ราย

8.ภาษีเจริญ 118 ราย

9.บางขุนเทียน 110 ราย

10.ตลิ่งชัน 79 ราย

เปิดยอดโควิด 50 เขต กทม. วันนี้มี 9 เขตทะลุ 100 ราย บางแค แชมป์!ภาพจาก กทม.

ภาพจาก รอยเตอร์/TNN Online

Adblock test (Why?)


เปิดยอดโควิด 50 เขต กทม. วันนี้มี 9 เขตทะลุ 100 ราย "บางแค" แชมป์! - TNN Online
Read More

โควิดระยองพบติดเชื้อรายวันพุ่ง 576 รายไม่มีผู้เสียชีวิต - สยามรัฐ

วันที่ 25 มี.ค.65 ศูนย์ปฏิบัติการฯ โควิด-19 ระยอง รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ของจังหวัดระยองว่า วันนี้ไม่พบผู้ติดเชื้อโควิดเสียชีวิตอีกวัน โดยมียอดผู้ติดเชื้อเสียชีวิตสะสมระลอกใหม่ 37 ราย ส่วนผู้ติดเชื้อรายวันพบเพิ่ม 576 ราย ผู้ติดเชื้อสะสมละลอกใหม่เพิ่มเป็น 71,364 ราย หายป่วยแล้ว 70,797 ราย โดยพบผู้ติดเชื้อ 8 อำเภอ โดยพบสูงสุดอยู่ใน​ อ.เมืองระยอง​ 304 ราย​ รองลงมามี อ.ปลวกแดง 83 ราย อ.นิคมพัฒนา 60 ราย อ.บ้านฉาง 29 ราย อ.บ้านค่าย 21 ราย อ.แกลง 20 ราย อ.เขาชะเมา 5 ราย อ.วังจันทร์ 3 ราย ต่างจังหวัดเข้ามารักษาตัว 51 ราย มีผู้ติดเชื้อเดินทางมาจากต่างประเทศติดเชื้อ 1 ราย มียอดฉีดวัคซีน 1,994,954 เข็ม มียอดจองวัคซีน 577,646 คน

Adblock test (Why?)


โควิดระยองพบติดเชื้อรายวันพุ่ง 576 รายไม่มีผู้เสียชีวิต - สยามรัฐ
Read More

Thursday, March 24, 2022

"10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด" จับตา จว.นี้ ยอดพุ่งเฉียด 4000 สมุทรปราการ ก็แรง - คมชัดลึก

ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และ "10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด" วันที่ 25 มีนาคม 2565 ยอดผู้ติดเชื้อรวม 26,050 ราย ATK 26,655 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากในประเทศ 26,014 ราย และผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 36 ราย หายป่วยกลับบ้าน 22,219 ราย ผู้ป่วยกำลังรักษา 244,111 ราย และเสียชีวิต 69 ราย จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,619 ราย เฉลี่ยจังหวัดละ 21 ราย อัตราครองเตียง ร้อยละ 26.9 จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,619 ราย เฉลี่ยจังหวัดละ 21 ราย อัตราครองเตียง ร้อยละ 26.9 

"10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด" จับตา จว.นี้ ยอดพุ่งเฉียด 4,000 สมุทรปราการ ก็แรง

10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด 

  1. กรุงเทพมหานคร 3,739 ราย
  2. นครศรีธรรมราช 1,645 ราย
  3. ชลบุรี 1,090 ราย
  4. สมุทรปราการ 902 ราย
  5. สมุทรสาคร 831 ราย
  6. ร้อยเอ็ด 655 ราย
  7. นนทบุรี 647
  8. ระยอง 576 ราย
  9. บุรีรัมย์ 556 ราย
  10. ปทุมธานี 535 ราย

"10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด" จับตา จว.นี้ ยอดพุ่งเฉียด 4,000 สมุทรปราการ ก็แรง

10 จังหวัดผู้ป่วยปอดอักเสบ 

  1. กรุงเทพมหานคร 204 ราย
  2. นครราชสีมา 76 ราย
  3. สมุทรปราการ 75 ราย
  4. นครศรีธรรมราช 59 ราย
  5. สงขลา 58 ราย
  6. กาญจนบุรี 56 ราย
  7. สุราษฎร์ธานี 54 ราย
  8. นนทบุรี 48 ราย
  9. ชลบุรี 41 ราย
  10. บุรีรัมย์ 41 ราย

"10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด" จับตา จว.นี้ ยอดพุ่งเฉียด 4,000 สมุทรปราการ ก็แรง

สำหรับตัวเลขผู้เสียชีวิต วันที่ 25 มี.ค.2565 จำนวน 69 ราย ส่วนใหญ่ยังเป็นผู้สุงอายุ และผู้ป่วยมีโรคเรื้อรัง

"10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด" จับตา จว.นี้ ยอดพุ่งเฉียด 4,000 สมุทรปราการ ก็แรง


ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและผู้อำนวยการ ศบค. สั่งกำชับผู้ว่าราชการจังหวัด และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ทุกพื้นที่ เตรียมพร้อมมาตรการรองรับประชาชนที่จะเดินทางข้ามจังหวัดทั้งกรณีเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ และกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่ยังมีผู้ติดเชื่อเพิ่มอยู่ต่อเนื่อง โดยทุกคนยังต้องปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยด้านสาธารสุขอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะการไปพบปะผู้สูงอายุ ร่วมกิจกรรมตามประเพณีและการรวมกลุ่มในครอบครัว เช่น การรดน้ำขอพรผู้สูงอายุ ขอให้สวมหน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลา งดกิจกรรมการสัมผัสใกล้ชิด จัดกิจกรรมให้มีการระบายอากาศได้ดี หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มร่วมกันเป็นเวลานาน รวมถึงให้มีการตรวจ  ATK ก่อนเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโควิด ที่สำคัญคือการที่ต้องให้ผู้สูงอายุ ซึ่งหนึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยง 608 รีบเข้ารับการฉีดวัคซีนให้ครบตามเกณฑ์และรับวัคซีนเข้มกระตุ้นโดยเร็วด้วย

Adblock test (Why?)


"10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด" จับตา จว.นี้ ยอดพุ่งเฉียด 4000 สมุทรปราการ ก็แรง - คมชัดลึก
Read More

สวพ. FM 91 สถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัยและการจราจร - สวพ. FM 91 สถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัยและการจราจร

25 มี.ค. 2565 | 06:57:10

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี สสจ.ชลบุรี  วันนี้มีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 1,090 ราย (ผู้ติดเชื้อยืนยัน RT-PCR) 

1. คนที่พักอาศัยในจังหวัดระยอง เข้ามารักษาในจังหวัดชลบุรี 53 ราย สะสม 4,117 ราย และจังหวัดอื่นๆรวมสะสม 1,284 ราย 

2. CLUSTER บริษัท ไทย เอ็นโอเค จำกัด อ.เมืองชลบุรี 8 ราย สะสม 33 ราย

3. CLUSTER บริษัท โตโยด้า โกเซ (ประเทศไทย) จำกัด อ.พานทอง 3 ราย  สะสม 59 ราย

4. อาชีพเสี่ยงพบปะผู้คนจำนวนมาก 21 ราย

5. บุคลากรทางการแพทย์ 30 ราย

6. ให้ประวัติเดินทางมาจากต่างจังหวัด (จังหวัดยโสธร 1 ราย)

7. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน

    7.1 ในครอบครัว 260 ราย
    7.2 จากสถานที่ทำงาน 67 ราย 
    7.3 บุคคลใกล้ชิด 55 ราย 
    7.4 ร่วมวงสังสรรค์ 2 ราย

8. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน (อยู่ระหว่างสอบสวนโรค) 28 ราย 

9. อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 562 ราย


Share this:

Adblock test (Why?)


สวพ. FM 91 สถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัยและการจราจร - สวพ. FM 91 สถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัยและการจราจร
Read More

Wednesday, March 23, 2022

ดร.อนันต์เผยผลวิจัย ป่วยโควิดเสี่ยงเป็นเบาหวานใน 1 ปี ทางที่ดีอย่าติดเชื้อ - ผู้จัดการออนไลน์



ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักวิจัยด้านไวรัสวิทยา ไบโอเทค เปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับผู้ป่วยโควิด-19 มีโอกาสเป็นโรคเบาหวานได้ในระยะเวลา 1 ปี ชี้ แข็งแรงแค่ไหนก็ไม่รอด เตือนอย่าติดดีที่สุด

เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักวิจัยด้านไวรัสวิทยา ไบโอเทค โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก "Anan Jongkaewwattana" เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยได้เผยว่า ติดโควิด-19 เสี่ยงเป็นโรคเบาหวานภายใน 1 ปีได้ แม้สุขภาพจะแข็งแรงแค่ไหนก็ตาม โดยสถิติชี้ 1 ล้านคนจะเป็นเบาหวาน 2 หมื่นคน ทั้งนี้ ดร.อนันต์ได้ระบุข้อความว่า

"ผลงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่เพิ่งได้ตีพิมพ์ในวารสาร The Lancet Diabetes and Endocrinology ทำการเก็บข้อมูลจากประชากรกว่า 8.5 ล้านคน โดยในจำนวนประชากรเหล่านั้นมีผู้เคยป่วยด้วยโควิด-19 ถึง 181,000 คน โดยทีมวิจัยพบว่า กลุ่มผู้ที่เคยป่วยโควิด-19 มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานภายใน 1 ปีหลังจากป่วยเป็นโควิด

โดยความเสี่ยงดังกล่าวไม่จำกัดอยู่ในผู้ป่วยที่มีอาการหนักเท่านั้น นอกจากนั้นความเสี่ยงที่สูงขึ้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ที่เอื้อให้ผู้ป่วยรายนั้นเป็นเบาหวาน เช่น น้ำหนักตัวที่มาก ความดันโลหิตสูง คนที่สุขภาพแข็งแรงก่อนติดโควิดมีความเสี่ยงไม่น้อยไปกว่ากัน ตัวเลขที่รายงานมาในการศึกษานี้บอกว่า ในทุก 100 คนที่ติดโควิดจะมีถึง 2 คนที่จะมีอาการของโรคเบาหวานภายใน 1 ปี ซึ่งเป็นตัวอย่างของ Long Covid ที่อยู่นอกระบบทางเดินหายใจ หรือระบบประสาท แบบที่ทราบกันมา

ถ้าตัวเลขที่การศึกษานี้เป็นจริง ประชากรที่จะเป็นเบาหวานจะมีมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเลยทีเดียวครับ เบาหวานเมื่อเป็นแล้วอยู่กับคนนั้นไปตลอดชีวิต เป็นภาระทางสาธารณสุขที่สำคัญ คิดง่ายๆ ว่า คนติดโควิด 1 ล้านคน จะมีผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่เกิดขึ้นอีก 2 หมื่นคนครับ

โควิดติดแล้วอาการไม่หนักรักษาหายได้ แต่ความเสี่ยงอะไรแบบนี้เรายังมีข้อมูลน้อยมากครับ ยังไงก็ไม่ควรเสี่ยงไปติดเชื้อไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดๆ"


Adblock test (Why?)


ดร.อนันต์เผยผลวิจัย ป่วยโควิดเสี่ยงเป็นเบาหวานใน 1 ปี ทางที่ดีอย่าติดเชื้อ - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

"10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด" กทม.ยังครองอันดับหนึ่ง ปอดอักเสบกว่า 200 ราย - คมชัดลึก

"โควิดวันนี้" ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงาน อัปเดต "โควิดวันนี้" 10 จว.ติดเชื้อสูงสุด กทม. ยังครองอันดับ 1 ยอดพุ่งไม่หยุด ปอดอักเสบ 200 ราย ติดสะสมกว่า 168,000 ราย

"10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด" ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศไทยวันที่ 23 มี.ค. 65

1.กรุงเทพมหานคร

2.ชลบุรี

3.นครศรีธรรมราช

4.สมุทรปราการ

5.สมุทรสาคร 

6.สงขลา

7.นนทบุรี

8.ฉะเชิงเทรา

9.ราชบุรี

10.บุรีรัมย์

"10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด" กทม.ยังครองอันดับหนึ่ง ปอดอักเสบกว่า 200 ราย

วันพุธที่ 23 มีนาคม 2565 เวลา 11.30 น.

สถานการณ์การติดเชื้อ "โควิดวันนี้" ในประเทศ

ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565

ผู้ป่วยรายใหม่ 25,164 ราย

ผู้ป่วยยืนยันสะสม 1,200,521 ราย

หายป่วยแล้ว 993,837 ราย

เสียชีวิตสะสม 2,799 ราย

----------------------------

ข้อมูลสะสมตั้งแต่ปี 2563

ผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,423,956 ราย

หายป่วยแล้ว 3,162,331 ราย

เสียชีวิตสะสม 24,497 ราย

"10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด" กทม.ยังครองอันดับหนึ่ง ปอดอักเสบกว่า 200 ราย

"10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด" กทม.ยังครองอันดับหนึ่ง ปอดอักเสบกว่า 200 ราย

จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม "โควิดวันนี้" (28 ก.พ. 2564 - 22 มี.ค. 2565)

รวม 127,658,569 โดส ใน 77 จังหวัด

ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 22 มีนาคม 2565

ยอดฉีดทั่วประเทศ 169,542 โดส

เข็มที่ 1 : 59,350 ราย

เข็มที่ 2 : 16,865 ราย

เข็มที่ 3 : 93,327 ราย

----------------------------

จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 54,972,110 ราย

จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 50,143,878 ราย

จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 22,542,581 ราย

"10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด" กทม.ยังครองอันดับหนึ่ง ปอดอักเสบกว่า 200 ราย

Adblock test (Why?)


"10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด" กทม.ยังครองอันดับหนึ่ง ปอดอักเสบกว่า 200 ราย - คมชัดลึก
Read More

หมอยง แนะเปลี่ยนกลยุทธ์ รับมือโควิด-19 ปรับตัวอยู่กับไวรัส ปกป้องกลุ่มเปราะบาง - อมรินทร์ทีวี ช่อง34

หมอยง ชี้ โควิด-19 ไม่สามารถทำให้หมดไป แนะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ รับมือตามสถานการณ์ ปรับตัวอยู่ร่วมกับไวรัส ปกป้องกลุ่มเปราะบาง

วันที่ 23 มี.ค.65 ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กกรณี โควิด-19 เมื่อสถานการณ์กาลเวลาเปลี่ยน กลยุทธ์ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยน ระบุ 

ในช่วงระยะเวลา มากกว่า 2 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์ขอโควิด-19 ได้มีการเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด ความรุนแรงลดลง แต่เดิมกลยุทธ์ ต้องการไม่ให้มีโรคโควิด หรือป้องกันการติดเชื้อแบบเด็ดขาด มีการปิดเมืองลดการเดินทางทำงานที่บ้าน และมาตรการต่างๆออกมามากมาย

ในปัจจุบันนี้เรารู้แล้วว่า ไวรัสโควิด-19 ไม่สามารถที่จะทำให้หมดไปได้ โรคสามารถติดต่อได้ง่าย จึงมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ ไม่มีอาการ หรือมีอาการน้อย ส่วนน้อยที่เป็นรุนแรงถึงเสียชีวิต ถ้านับจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมดที่รวมการตรวจยืนยันด้วย RT-PCR และการตรวจ ATK แล้ว มีผู้เสียชีวิตประมาณ 1-2 ในพันของผู้ติดเชื้อ โดยส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว และไม่ได้รับวัคซีนมาก่อน หรือไม่มีภูมิต้านทานนั้นเอง

นับจากนี ถ้าประชากรส่วนใหญ่มีภูมิต้านทาน จากการติดเชื้อมาก่อน หรือได้รับวัคซีนมีภูมิต้านทานเกิดขึ้น การติดเชื้อส่วนใหญ่ ก็จะมีอาการน้อย หรือไม่มีอาการ 

การดำเนินชีวิตจะต้องต้องปรับตัวให้อยู่กับไวรัส ในสภาวะที่สมดุลย์ อยู่ด้วยกันและให้มีการสูญเสียน้อยที่สุด แม้จะยังมีผู้ป่วยอยู่ จะต้องปกป้องกลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ ในที่สุดไวรัสนี้จะทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจประจำฤดูกาล เช่นเดียวกับโรคทางเดินหายใจอื่นๆ ฤดูร้อน โรคนี้จะลดน้อยลง และจะไปเพิ่มขึ้นในฤดูฝน เดือนมิถุนายนในช่วงนักเรียนเปิดเทอม ถึงเดือนกันยายน และจะลดลงในเดือนตุลาคมถึงธันวาคม และจะเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แต่จะไม่มาก ในเดือนมกราคมถึงมีนาคม ซึ่งจะเป็นวัฏจักรต่อไป แบบโรคทางเดินหายใจที่พบมาโดยตลอด

เด็กนักเรียนจะต้องไปโรงเรียน ปีการศึกษาที่จะมาถึงนี้ เด็กทุกคนต้องไปโรงเรียน การปฏิบัติของโรงเรียนและนักเรียน ก็จะปฏิบัติเช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ มีมาตรการ ดูแลลดการระบาดให้น้อยที่สุด การเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นผู้มาจากต่างประเทศ ในเมื่อโรคนี้มีทั่วโลก การเดินทางท่องเที่ยว จะผ่อนปรนมากขึ้น ลดการตรวจเชื้อ PCR ผ่อนปรน เพื่อให้กลับสู่ภาวะปกติ 

ชีวิตประจำวันก็จะมีการผ่อนปรนมากขึ้น ทั้งทางธุรกิจ สังคมก็จะเดินได้ด้วยดี เข้าสู่ภาวะปกติ โดยเร็ว สถานการณ์ขณะนี้ประชาชนทั่วไปต้องยอมรับความจริง ถ้าเราช่วยกันปกป้องกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และให้ทุกชีวิตกลับดำเนินเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว เพื่อให้ทุกชีวิตได้เดินหน้าต่อไป


อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

หมอยง เผย คนไทยจำนวนหนึ่งติดเชื้อแบบไม่มีอาการ ต้องตรวจเลือดเท่านั้นถึงรู้
หมอยง เผยโครงการวิจัย รับสมัคร เด็ก 6-11 ปี ฉีดวัคซีนสูตร ซิโนแวค-ไฟเซอร์
หมอยง ไขข้อสงสัย วัคซีนโควิด ต้องฉีดอีกกี่เข็มถึงจะพอ

Adblock test (Why?)


หมอยง แนะเปลี่ยนกลยุทธ์ รับมือโควิด-19 ปรับตัวอยู่กับไวรัส ปกป้องกลุ่มเปราะบาง - อมรินทร์ทีวี ช่อง34
Read More

Tuesday, March 22, 2022

โควิดระยองพบผู้ติดเชื้อรายวันพุ่ง 449 สูงสุดใน อ.เมือง 229 ราย - สยามรัฐ

วันที่ 23 มี.ค.65 ศูนย์ปฏิบัติการฯ โควิด-19 ระยอง รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ของจังหวัดระยองว่า วันนี้ไม่พบผู้ติดเชื้อโควิดเสียชีวิตอีกวัน โดยมียอดผู้ติดเชื้อเสียชีวิตสะสมระลอกใหม่ 36 ราย ส่วนผู้ติดเชื้อรายวันพบเพิ่ม 449 ราย ผู้ติดเชื้อสะสมละลอกใหม่เพิ่มเป็น 70,178 ราย หายป่วยแล้ว 69,637 ราย โดยพบผู้ติดเชื้อ 8 อำเภอ โดยพบสูงสุดอยู่ใน​ อ.เมืองระยอง​ 229 ราย​ รองลงมามี อ.นิคมพัฒนา 53 ราย อ.ปลวกแดง 38 ราย อ.บ้านฉาง 25 ราย อ.บ้านค่าย 24 ราย อ.แกลง 17 ราย อ.วังจันทร์ 8 ราย อ.เขาชะเมา 2 ราย ต่างจังหวัดเข้ามารักษาตัว 53 ราย มีผู้ติดเชื้อเดินทางมาจากต่างประเทศติดเชื้อ 1 ราย มียอดฉีดวัคซีน 1,988,373 เข็ม มียอดจองวัคซีน 577,429 คน

Adblock test (Why?)


โควิดระยองพบผู้ติดเชื้อรายวันพุ่ง 449 สูงสุดใน อ.เมือง 229 ราย - สยามรัฐ
Read More

กิน “คีโต” อย่างเข้าใจ น้ำหนักลด สุขภาพดี - MCOT Plc

วิธีการลดน้ำหนักที่เรียกว่า “การกินคีโต” ที่สวนกระแส ยกให้ “ไขมัน” เป็นตัวเอกในทุกมื้ออาหาร

หัวใจหลักของการกินคีโตคือการลดน้ำหนัก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาสุขภาพและการรักษาโรค เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวานบางชนิดที่ต้องการให้ผู้ป่วยควบคุมน้ำหนัก” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ (พิเศษพญ.พัชญา บุญชยาอนันต์ สาขาวิชาต่อมไร้ท่อและเมตะบอลิสม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวพร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับการกินคีโตอย่างถูกวิธี ได้ผลดีทั้งน้ำหนักตัวและสุขภาพ

 

คีโต มาจากคำว่า “คีโตเจนิก ไดเอต” (Ketogenic diet) คือการลดอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล และให้น้ำหนักกับการบริโภค “ไขมัน” และโปรตีน  

ผศ.(พิเศษพญ.พัชญา อธิบายหลักการลดน้ำหนักด้วยการกินคีโตว่า “อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตอย่างพวกแป้ง ข้าว จะถูกย่อยให้กลายเป็นน้ำตาลเพื่อเป็นพลังงานหลักของร่างกาย แต่เมื่อเราลดการทานคาร์โบไฮเดรตลง ร่างกายจะหันไปเผาผลาญไขมันที่สะสมไว้แทน กลายเป็น “สารคีโตนบอดี้ส์ (Ketone Bodies)” ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ คีโต นั่นเอง

การกินเพื่อลดน้ำหนักแบบคีโตเน้นการกินอาหารจำพวกไขมันและโปรตีนเป็นหลัก และลดสัดส่วนการกินอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต เช่น อาหารจำพวกแป้ง ข้าวและน้ำตาล ให้เหลือเพียง 5% หรือแค่ 20-50 กรัมต่อวัน หรือแทบจะไม่มีอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตในมื้ออาหารเลย เพื่อให้เกิดภาวะคีโตซิส (Ketosis) หรือ ภาวะที่ร่างกายนำพลังงานจากไขมันในร่างกายมาใช้เป็นแหล่งพลังงานหลัก

ผศ.(พิเศษพญ.พัชญา กล่าวว่า การกินอาหารประเภทไขมันและโปรตีน มีส่วนทำให้รู้สึกอิ่มนาน และสารคีโตนบอดี้ส์ยังช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้เกิดการจำกัดปริมาณแคลอรี่ที่รับประทาน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการลดน้ำหนักตัว  

 

ไขมันตัวดีของแนวคีโตมีอะไรบ้าง

ผศ.(พิเศษพญ.พัชญา กล่าวว่าแม้หลักการของการกินคีโตจะเน้นการบริโภคไขมัน แต่ก็ไม่ใช่ไขมันทุกประเภทจะดีเสมอไป

ถึงแม้ชาวคีโตจะเน้นกินไขมัน แต่ก็ไม่ได้หมายถึงการกินของมัน ของทอด หรือเบคอนที่อุดมไปด้วยไขมันในปริมาณมากๆการกินคีโตควรเลือกไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกายด้วย” ผศ.(พิเศษพญ.พัชญา กล่าวเตือน

โดยไขมันในอาหาร แบ่งได้เป็น 2 ประเภท 

• อาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัว หรือไขมันดี ส่วนใหญ่พบในพืชผักและปลาที่มีไขมันมาก เช่น ปลาทะเล แซลมอน อโวคาโดน้ำมันมะกอก น้ำมันดอกทานตะวัน ถั่วเหลือง น้ำมันงา เป็นต้น

• อาหารที่มีไขมันอิ่มตัว คือมีทั้งไขมันดีและไขมันเลว ส่วนใหญ่พบได้ในเนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากนมและพืชบางชนิด เช่น เนื้อสัตว์ น้ำมันหมู ไก่ โยเกิร์ต เนย ชีส กะทิ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม เป็นต้น

 

ไขมันทั้ง 2 ประเภทมีประโยชน์และจำเป็นต่อร่างกาย แต่หากกินอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวมากเกินไปจะส่งผลเสียมากกว่า เพราะอาจพบระดับไขมันในเลือดผิดปกติ เสี่ยงต่อการเกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือด หลอดเลือดสมองและโรคหัวใจ นอกจากการเลือกประเภทไขมันในการบริโภคให้ถูกต้องและสมดุลแล้ว ชาวคีโตก็ต้องระวังและเลี่ยงการกินผักและผลไม้ที่มีแป้งและน้ำตาลสูงและการปรุงรสอาหารด้วยน้ำตาล ไม่เช่นนั้นร่างกายจะไม่เกิดภาวะคีโตซิส (Ketosis) และไม่เกิดผลต่อการลดน้ำหนัก ซ้ำยังอาจจะช่วยเพิ่มน้ำหนักและไขมันอีกด้วย

 

การกินคีโตเพื่อลดน้ำหนักรักษาสุขภาพไม่ใช่จะเหมาะสำหรับทุกคน ผศ.(พิเศษ)พญ.พัชญา หากเป็นผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงไม่มีโรคประจำตัว ไม่ใช่สตรีตั้งครรภ์ สามารถลองทานคีโตได้ แต่หากผู้ที่มีโรคประจำตัวแต่สนใจการลดน้ำหนักแบบคีโต แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ เนื่องจากโรคประจำตัวบางอย่างและยารักษาโรคบางชนิดอาจทำให้เกิดอันตรายได้ถ้าไปทานอาหารสูตรคีโต

การกินคีโตเป็นแนวทางการกินที่มีความเฉพาะเจาะจง ลดสารอาหารบางประเภท และไม่หลากหลาย ซึ่งหากไม่ใส่ใจให้ดีก็อาจเกิดผลข้างเคียงได้หลายอย่าง เช่น

• ไข้คีโต (Keto Flu) : เมื่อร่างกายเกิดภาวะคีโตซิส อาจทำให้รู้สึกเหมือนเป็นไข้ ไม่สบายตัว ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน หรืออ่อนเพลีย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอาการเหล่านี้จะค่อยๆ หายไปเอง หากรู้สึกเป็นนานกว่า 2 สัปดาห์ แนะนำให้พบแพทย์

• การขาดสารอาหาร : การกินคีโตต้องลดปริมาณอาหารบางประเภท จึงอาจทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารสำคัญบางชนิดไม่เพียงพอ เช่น กากใย วิตามิน เป็นต้น อาจเกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมา

• ท้องผูก ขาดน้ำและแร่ธาตุ : ร่างกายจะขับสารคีโตนบอดี้ส์ออกทางปัสสาวะ ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำเพิ่มขึ้น ซึ่งเสี่ยงต่อการขาดน้ำและแร่ธาตุ และการรับประทานคาร์โบไฮเดรตปริมาณต่ำมากทำให้ร่างกายได้รับกากใยไม่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดอาการท้องผูก

• กระหายน้ำบ่อย : เป็นอาการที่พบบ่อย เกิดจากการที่ร่างกายขับน้ำ ทำให้ผู้ที่กินอาหารแบบคีโตรู้สึกกระหายน้ำ จึงต้องคอยจิบน้ำเสมอๆ  

• อาการสมองล้า : อาการสมองล้า ความจำสั้นและไม่ค่อยมีสมาธิ แต่พบได้ไม่บ่อย

• ผิวมันเป็นสิว : การกินไขมันบางชนิดมากๆ ทำให้เกิดการอักเสบที่ผิวหนัง อาจก่อให้เกิดสิวได้

• โยโย่แอฟเฟคเมื่อหยุดกินคีโต การกินคีโตสามารถทำให้น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ทั้งยังไม่รู้สึก “โหย” เหมือนกับการลดน้ำหนักแบบอื่นๆ แต่เมื่อหยุดกินคีโตแล้วกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม หรือรับประทานอาหารที่ไม่ใช่การกินคีโตเต็มรูปแบบน้ำหนักตัวก็อาจกลับขึ้นมาอย่างเดิม อย่างที่เรียกว่า “โยโย่เอฟเฟกต์”  

 

การกินคีโตเป็นแนวทางการลดน้ำหนักที่ให้ผลเร็วแต่ก็อาจมีผลข้างเคียงดังกล่าว ยังไม่มีข้อมูลของผลกระทบต่อสุขภาพในการกินคีโตในระยะยาวที่ชัดเจน ดังนั้น เมื่อลดน้ำหนักได้ตามที่พอใจแล้ว เราควรหันมาใส่ใจดูแลการบริโภคอาหารที่หลากหลายและสมดุลเพื่อผลสุขภาพในระยะยาว

การกินอาหารให้ครบ 5 หมู่และควบคุมปริมาณที่พอเหมาะกับร่างกายย่อมเป็นการลดน้ำหนักที่อาจจะได้ผลช้ากว่าแต่ส่งผลดีในระยะยาวแน่นอน” ผศ.(พิเศษ)พญ.พัชญา กล่าวทิ้งท้าย

Adblock test (Why?)


กิน “คีโต” อย่างเข้าใจ น้ำหนักลด สุขภาพดี - MCOT Plc
Read More

"โควิดชลบุรี"ยังดุ! คร่าชีวิต 3 ราย ติดเชื้อใหม่รวมATKกว่า 7.5พันคน - Post Today

ชลบุรี - พบผู้ป่วยโควิด19รายใหม่ 1,434 ราย ผล ATK กว่า 6 พันราย บุคลากรทางการแพทย์ยังติดเชื้อต่อเนื่อง เจออีก 35 ราย ส่วนใหญ่ติดจากคนในครอบครัว - ที่ทำงาน เสียชีวิตอีก 3 ราย

เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 65 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี รายงานว่า วันนี้มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ จากผล RT-PCR จำนวน 1,434 ราย ATK 6,148 ราย เสียชีวิต 3 ราย รวม 121 ราย (ยอดสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค. 65 )

ผู้ติดเชื้อรายใหม่มาจาก 1. คนที่พักอาศัยในจังหวัดระยอง เข้ามารักษาในจังหวัดชลบุรี 90 ราย สะสม 3,982 ราย และจังหวัดอื่นๆรวมสะสม 1,248 ราย 2. อาชีพเสี่ยงพบปะผู้คนจำนวนมาก 57 ราย3. บุคลากรทางการแพทย์ 35 ราย 4. ให้ประวัติเดินทางมาจากต่างจังหวัด (จังหวัดจันทบุรี 1 ราย) 5. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน(ในครอบครัว 311 ราย,จากสถานที่ทำงาน 56 ราย,บุคคลใกล้ชิด 94 ราย,ร่วมวงสังสรรค์ 4 ราย) 6. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน (อยู่ระหว่างสอบสวนโรค) 46 ราย 7. อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 740 ราย

ณ วันที่ 23 มีนาคม 2565 จังหวัดชลบุรี มีผู้ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม 909,474 คน ซึ่งในเดือนนี้ มีผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มแล้ว ติดเชื้อ 5,913 คน (อัตราป่วย 650.16 ต่อแสนประชากร) เสียชีวิต 4 ราย (0.44 ต่อแสนประชากร), ใส่ท่อหายใจ 3 ราย (0.33 ต่อแสนประชากร), ปอดอักเสบ 8 ราย (0.88 ต่อแสนประชากร)

มีผู้ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม 1,901,295 คน ซึ่งในเดือนนี้ มีผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ติดเชื้อ 8,938 คน (อัตราป่วย 470.10 ต่อแสนประชากร) เสียชีวิต 21 ราย (1.10 ต่อแสนประชากร), ใส่ท่อหายใจ 10 ราย (0.53 ต่อแสนประชากร), ปอดอักเสบ 17 ราย (0.89 ต่อแสนประชากร)

ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีนเพียง 1 เข็ม 123,858 คน และไม่ได้ฉีดวัคซีนอีก 303,920 คน รวม 427,778 คน ในเดือนนี้พบผู้ติดเชื้อที่ฉีดวัคซีนไม่ครบและยังไม่ได้ฉีดวัคซีน 11,952 คน (อัตราป่วย 2,793.97 ต่อแสนประชากร), เสียชีวิต 48 ราย (11.22 ต่อแสนประชากร), ใส่ท่อหายใจ 8 ราย (1.87 ต่อแสนประชากร) , ปอดอักเสบ 45 ราย (10.52 ต่อแสนประชากร)

วันนี้ ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจรายใหม่ 5 ราย (รายที่หนึ่งพบประวัติการรับวัคซีนสามเข็มเมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2565 , รายที่สองพบประวัติการรับวัคซีนสองเข็มเมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2564 , รายที่สามพบประวัติการรับวัคซีนสองเข็มเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2565, รายที่สี่พบประวัติการรับวัคซีนสองเข็มเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2564 , รายที่ห้าไม่พบประวัติการรับวัคซีน), พบผู้ป่วยปอดอับเสบรายใหม่ 7 ราย (รายที่หนึ่งพบประวัติการรับวัคซีนสองเข็มเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2564, รายที่สองพบประวัติการรับวัคซีนสองเข็มเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2564, รายที่สามพบประวัติการรับวัคซีนสองเข็มเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2564, รายที่สี่พบประวัติการรับวัคซีนสองเข็มเมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2564 และอีกสามรายไม่พบประวัติการรับวัคซีน), และพบผู้เสียชีวิตรายใหม่ 3 ราย (รายที่หนึ่งอายุ 35 ปี, รายที่สองอายุ 79 ปี, รายที่สามอายุ 87 ปี) สาเหตุที่นำไปสู่การเสียชีวิตคือ เป็นผู้สูงอายุ และมีโรคประจำตัวได้แก่ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง (รายที่หนึ่งพบประวัติการรับวัคซีนหนึ่งเข็มเมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2 564 และอีกสองรายไม่พบประวัติการรับวัคซีน) ดังนั้น การฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ กล่าวคือต้องได้รับการกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดเข็มที่สาม จะช่วยลดความรุนแรงของโควิด-19 ผู้ที่อาศัยในจังหวัดชลบุรี ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือฉีดวัคซีนไม่ครบ มีโอกาสที่จะมีอาการรุนแรงมากกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 และกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ จะมีอาการมากกว่ากลุ่มอื่น

Adblock test (Why?)


"โควิดชลบุรี"ยังดุ! คร่าชีวิต 3 ราย ติดเชื้อใหม่รวมATKกว่า 7.5พันคน - Post Today
Read More

ทำงานหนักจนลืมกินข้าว ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหารจริงหรือไม่? - Hfocus

การกินอาหารไม่ตรงเวลา มีผลต่อโรคกระเพาะจริงไหม? ปรับพฤติกรรมอย่างไรจะช่วยลดอาการป่วย  ด้วยพฤติกรรม การใช้ชีวิตในปัจจุบัน ทำให้บางคนไม่สามา...