Rechercher dans ce blog

Thursday, June 30, 2022

หนุ่มวิศวะ เครียดโรคซึมเศร้าโดดชั้น 8 ดับคาลานจอดรถคอนโดหรู ย่านพุทธบูชา - ผู้จัดการออนไลน์




หนุ่มวิศวะคอมพิวเตอร์ ปี 4 มจธ. ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า กระโดดจากระเบียงห้องพัก ชั้น8 ย่านพุทธบูชา ศีรษะแตกแขนขาหักผิดรูป เสียชีวิตคาที่

เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 1 ก.ค. ร.ต.อ. วีรยุทธ ร้องหาญแก้ว รอง สว.(สอบสวน)สน.ราษฎร์บูรณะ รับแจ้งเหตุตกที่สูงเสียชีวิต เหตุเกิดที่คอนโดปาร์ค พุทธบูชา 48 ซอยพุทธบูชา 48 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กทม. รุดไปตรวจสอบพร้อม เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวรนิติเวช รพ.ศิริราช และอาสาสมัครมูลนิธิ ป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุเป็นที่พักอาศัยสูง 10 ชั้น ที่ลานจอดรถด้านหลังคอนโด พบศพนายชยุตม์ สะท้านบัว อายุ อายุ 23 ปี ชาว จ.ขอนแก่น นศ.แผนกวิศวะคอมพิวเตอร์ ปี 4 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี สภาพศพนอนหงาย สวมเสื้อยืดแขนสั้น สีน้ำเงิน กางเกงวอร์ม ขายาว สีนำเงิน มีบาดแผลศีรษะแตก แขนขาหักผิดรูป

จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายพักอาศัยอยู่ที่ห้อง ห้อง88/179 ชั้น8 คนเดียว ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า มีอาการตั้งแต่เดือนมกราคม แต่ยังไม่เคยไปรักษาที่ไหน ก่อนเกิดเหตุคาดว่าเครียดหนัก กระโดดจากระเบียงหลังห้องพักลงมาด้านล่างลานจอดรถเสียชีวิตอย่างน่าอนาถ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดของคอนโดและตรวจสอบภายในห้องพักของผู้ตายอย่างละเอียดก่อนมอบศพให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ้งนำส่งชันสูตรที่นิติเวชรพ.ศิริราช และจะประสานญาติให้มารับศพไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีทางศาสนาต่อไป


Adblock test (Why?)


หนุ่มวิศวะ เครียดโรคซึมเศร้าโดดชั้น 8 ดับคาลานจอดรถคอนโดหรู ย่านพุทธบูชา - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

การค้นพบยีนอาจอธิบายได้ว่าทำไมผู้หญิงถึงเป็นโรคอัลไซเมอร์มากขึ้น - www.thaifrx.com

ยีน O6-Methylguanine-DNA-methyltransferase หรือ MGMT มีบทบาทสำคัญในการซ่อมแซมร่างกายที่ทำลาย DNA ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง แต่นักวิจัยไม่พบความสัมพันธ์ระหว่าง MGMT กับโรคอัลไซเมอร์ในผู้ชาย

Lindsay Farrer ผู้เขียนร่วมการศึกษาอาวุโส หัวหน้าแผนกพันธุศาสตร์ชีวการแพทย์ของคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยบอสตัน กล่าวว่า “เป็นการค้นพบเฉพาะสำหรับผู้หญิง อาจเป็นหนึ่งในความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นที่สุดของปัจจัยเสี่ยงทางพันธุกรรมสำหรับโรคอัลไซเมอร์ในสตรี

“ผู้หญิง เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงทางพันธุกรรมที่มีลักษณะเฉพาะ เช่น APOE ε4 และ MGMT และปัจจัยเสี่ยงเฉพาะทางเพศ เช่น ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดลงอย่างกะทันหันระหว่างช่วงวัยหมดประจำเดือน อาจอยู่ในช่องทางที่รวดเร็วต่อการเกิดโรค ขณะที่ผู้ชายนั่งอยู่ใน การจราจร” ดร.ริชาร์ด ไอแซคสัน ผู้อำนวยการคลินิกป้องกันโรคอัลไซเมอร์ วิทยาลัยแพทยศาสตร์ชมิดท์ แห่งมหาวิทยาลัยฟลอริดาแอตแลนติก ซึ่งไม่ได้มีส่วนร่วมในการศึกษากล่าว

ยีน APOE ε4 ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดสำหรับการพัฒนาในอนาคตของโรคอัลไซเมอร์ในผู้ที่มีอายุเกิน 65 ปี ซึ่ง “เป็นความจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสตรี ซึ่งได้รับผลกระทบจาก APOE ε4 มากกว่าผู้ชาย” ไอแซคสันกล่าว

อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงหลายคนที่มี APOE ε4 อย่าพัฒนาโรคอัลไซเมอร์ ในขณะที่ผู้หญิงที่ไม่มียีนอาจยังคงเป็นโรคนี้ได้

“บางที MGMT อาจเป็นส่วนสำคัญของปริศนาการทำนายความเสี่ยงสำหรับผู้หญิงเหล่านี้ แต่จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม” ไอแซคสันกล่าว

การค้นพบที่โชคดี

การค้นพบการมีอยู่ของยีนใหม่เกิดขึ้นจากกลุ่มคนสองกลุ่มที่แยกจากกันโดยสิ้นเชิง ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยชิคาโกกำลังวิเคราะห์องค์ประกอบทางพันธุกรรมของสตรีกลุ่มเล็กๆ ฮัทเทเรียน เบรธเรน ซึ่งอาศัยอยู่ร่วมกันในชนบทของรัฐมอนแทนาและเซาท์ดาโคตา ฮัทเทอไรต์เป็นประชากรปิดที่แต่งงานกันภายในกลุ่มของตนเองและเก็บบันทึกลำดับวงศ์ตระกูลไว้มากมาย ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการวิจัยทางพันธุกรรม

ผู้หญิงตอบสนองได้ดีกว่าผู้ชายต่อการแทรกแซงของโรคอัลไซเมอร์ในระยะแรกพบการศึกษา

“สภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างสม่ำเสมอและความแปรปรวนทางพันธุกรรมที่ลดลงใน Hutterites เพิ่มพลังของเราในการค้นหาความสัมพันธ์ในขนาดตัวอย่างที่เล็กกว่าที่จำเป็นสำหรับการศึกษาในประชากรทั่วไป” Carole Ober ผู้เขียนร่วมการศึกษาอาวุโสของมหาวิทยาลัยชิคาโกกล่าวใน คำแถลง.

เมื่อความสัมพันธ์ใหม่กับ MGMT ปรากฏขึ้นในการวิเคราะห์ของเธอ Ober ได้ติดต่อ Farrer ของบอสตันเพื่อดูว่าเขาอาจช่วยทำซ้ำสิ่งที่ค้นพบของเธอได้หรือไม่

Farrer ซึ่งอยู่ท่ามกลางการวิเคราะห์ทางพันธุกรรมขนาดใหญ่ของผู้หญิงกว่า 10,000 คนจากการศึกษา Alzheimer’s Disease Genetics Consortium รู้สึกประหลาดใจกับการโทรดังกล่าว

“ฉันบอกเธอว่าเราพบยีนเดียวกันในการวิเคราะห์ของเรา” Farrer กล่าว “การศึกษาที่แตกต่างกันสองการศึกษาเริ่มต้นขึ้นโดยอิสระจากกันและกัน โดยบังเอิญพบว่ามียีนเดียวกัน ซึ่งสำหรับฉันแล้ว ทำให้ฉันมั่นใจมากขึ้นว่าการค้นพบนี้มีประสิทธิภาพ”

การศึกษาแบบผสมผสานนี้เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ โรคอัลไซเมอร์และภาวะสมองเสื่อม: วารสารสมาคมอัลไซเมอร์

ปัจจัยเสี่ยงสำหรับผู้หญิงที่ไม่มี APOE ε4

ทีมวิจัยได้เปรียบเทียบผลการวิจัยกับเนื้อเยื่อสมองชายที่ชันสูตรพลิกศพ และไม่พบความเกี่ยวข้องระหว่างยีน MGMT กับโรคอัลไซเมอร์ในผู้ชาย

เมื่อพวกเขาตรวจสอบ MGMT ผ่านทาง epigenetics ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อมีการเปิดหรือปิดยีนโดยพฤติกรรมและปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม นักวิจัยพบว่าการแสดงออกของยีนในผู้หญิงมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญกับการพัฒนาของ beta amyloid และ tau ซึ่งเป็นโปรตีนสองชนิดที่เป็นสัญลักษณ์ของโรคอัลไซเมอร์ โรค.

ความสัมพันธ์ระหว่าง MGMT กับแผ่นโลหะ amyloid และ tau tangles คือ “เด่นชัดที่สุดในผู้หญิงที่ไม่มี APOE ε4” Farrer กล่าว

ถือว่าเป็นโปรตีนที่จำเป็น หน้าที่หลักของ APOE คือการ “เคลื่อนย้ายคอเลสเตอรอลในร่างกายของคุณ และหากปราศจากสิ่งนั้น คุณจะประสบปัญหา” Farrer กล่าว อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาพบว่ารูปแบบ APOE ε4 อาจส่งผลให้เกิดการสะสมของกรดไขมันมากกว่าสมาชิกอื่นๆ ในตระกูล APOE ซึ่งทำให้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามีทางเดินคอเลสเตอรอลไปสู่โรคอัลไซเมอร์

ต่อสู้กับโรคอัลไซเมอร์ในช่วงอายุ 30 กลางๆ ด้วยการติดตามสัญญาณเตือนเหล่านี้

อันที่จริง การศึกษาโดย Farrer ที่ตีพิมพ์เมื่อเดือนมีนาคม พบว่ามีคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือดสูงในช่วงอายุ 30 ปีของคุณ อาจทำให้คุณเสี่ยงที่จะเป็นโรคอัลไซเมอร์ในอีกหลายทศวรรษต่อมาในชีวิต

“มีเส้นทางสู่โรคอัลไซเมอร์ได้หลายทาง มีทางเดินไขมันหรือคอเลสเตอรอล ซึ่งขณะนี้ค่อนข้างเป็นที่ยอมรับในโรคอัลไซเมอร์ และ APOE ε4 ก็เป็นส่วนหนึ่ง” Farrer กล่าว

“และมีเส้นทางของการอักเสบซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับโรคเรื้อรังทั้งหมด ด้วย MGMT เราอาจกำลังมองหาเส้นทางเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมแซม DNA หรือบางที MGMT อาจมีส่วนร่วมในเส้นทางอื่นเหล่านี้และไม่มีใครรู้เลย” Farrer เพิ่ม

ยาเฉพาะบุคคล

ผู้หญิงควรทำงานร่วมกับแพทย์เพื่อพยายามระบุเส้นทางที่พวกเขาอาจจะอยู่ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ

ผู้หญิงจำเป็นต้องควบคุมระดับคอเลสเตอรอล น้ำตาลในเลือด และความดันโลหิตเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคสมองเสื่อม

การแทรกแซงอาจรวมถึงการรักษาความดันโลหิต โคเลสเตอรอล และระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ ในขณะที่ “พิจารณาการบำบัดทดแทนฮอร์โมนเมื่อมีการระบุ และสนับสนุนการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพของสมอง รวมถึงการออกกำลังกายเป็นประจำ อาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน การนอนหลับที่เพียงพอ และเทคนิคการลดความเครียด “ไอแซกสันกล่าว

ดร.เคลลี่แอนน์ นิโอติส นักประสาทวิทยาจากคลินิกป้องกันอัลไซเมอร์ ที่ Weill Cornell Medicine และ NewYork-Presbyterian ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการศึกษานี้ กล่าว

Niotis กล่าวว่า “ในไม่ช้า เราจะสามารถเสนอการประเมินขั้นสูงให้กับผู้หญิงที่มีความเสี่ยง เช่น การทดสอบทางพันธุกรรมที่ครอบคลุมในสถานพยาบาล เพื่อประเมินความเสี่ยงอย่างเพียงพอมากขึ้น และพัฒนาแผนการลดความเสี่ยงส่วนบุคคลเพื่อการปกป้องสมองที่ดีที่สุด”

Adblock test (Why?)


การค้นพบยีนอาจอธิบายได้ว่าทำไมผู้หญิงถึงเป็นโรคอัลไซเมอร์มากขึ้น - www.thaifrx.com
Read More

กทม.เดินหน้าป้องกันโรคไข้เลือดออก ลดพาหะ-ดูแลผู้ป่วยตั้งแต่ระดับปฐมภูมิ - เดลินิวส์ออนไลน์

This website uses cookies to improve your experience while you navigate through the website. Out of these, the cookies that are categorized as necessary are stored on your browser as they are essential for the working of basic functionalities of the website. We also use third-party cookies that help us analyze and understand how you use this website. These cookies will be stored in your browser only with your consent. You also have the option to opt-out of these cookies. But opting out of some of these cookies may affect your browsing experience.

Adblock test (Why?)


กทม.เดินหน้าป้องกันโรคไข้เลือดออก ลดพาหะ-ดูแลผู้ป่วยตั้งแต่ระดับปฐมภูมิ - เดลินิวส์ออนไลน์
Read More

ไขเรื่องไตสาเหตุ ปัจจัยเสี่ยง จาก โรคไตเรื้อรัง โดย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ - อีจัน Ejan

มาทำความรู้จักเข้าใจโรคไต ในโครงการ คุยเรื่องไต ไขความจริง โดยสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย เชิญ น.อ. หญิง พญ. วรวรรณ ชัยลิมปมนตรี อายุรแพทย์โรคไต ประธานคณะอนุกรรมการป้องกันโรคไตเรื้อรัง มาให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับโรคไต ในตอน “โรคไต 101” มุ่งเสริมความเข้าใจถึงสาเหตุและปัจจัยเสี่ยง อาการของโรค ตลอดจนวิธีการดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันและชะลอความเสื่อมของไตในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง

Adblock test (Why?)


ไขเรื่องไตสาเหตุ ปัจจัยเสี่ยง จาก โรคไตเรื้อรัง โดย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ - อีจัน Ejan
Read More

Tuesday, June 28, 2022

ทนายเจมส์ แนะ หากกฎหมายความเท่าเทียม ยังไม่คลอด ก็จะไม่เห็นจุดบอด - อีจัน Ejan

ที่ผ่านมามีคดีความที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายทางเพศเกิดขึ้นมากมาย คู่รักที่เป็นเพศเดียวกัน มักจะมีปัญหาในทางกฎหมาย ทั้งในขณะที่มีชีวิต หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียชีวิต, การจัดการมรดก หรือการจัดการในด้านการรักษาโรค, การรับสวัสดิการของคู่ชีวิต ในระบบราชการ เป็นต้น

ถ้าพ.ร.บ.ต่างๆ สามารถเป็นกฎหมายได้จริง เชื่อว่า จะทำให้กลุ่มความหลากหลายต่างๆ มีความสุข ความเหลื่อมล้ำลดลง คนกลุ่มนี้ ไม่ได้เรียกร้องอะไรมากมาย แค่ต้องการให้มองพวกเค้าในความเป็นคนของเค้าเท่านั้น

Adblock test (Why?)


ทนายเจมส์ แนะ หากกฎหมายความเท่าเทียม ยังไม่คลอด ก็จะไม่เห็นจุดบอด - อีจัน Ejan
Read More

น้ำลาย ช่วยป้องกันกันฟันผุได้จริงหรือไม่ - Thainews Online

น้ำลาย มีประโยชน์อย่างไร ?

1. น้ำลายช่วยในการชะล้าง ลดการการติดของจุลินทรีย์ในช่องปาก

2. น้ำลายช่วยเจือจางกรดหรือทำหน้าที่เป็นสารบัฟเฟอร์ เพื่อช่วยควบคุมความเป็นกรดด่าง(pH)ในช่องปากให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม คือ สภาพpHในช่องปากที่ไม่ส่งเสริมให้เกิดการละลายแร่ธาตุจากผิวฟัน

3.น้ำลายช่วยในการคืนกลับของแร่ธาตุ กรณีเกิดรอยโรคฟันผุที่ชั้นเคลือบฟันแล้ว แต่ยังไม่ผุจนเป็นรู โดยแคลเซียมและฟอสเฟต ซึ่งเป็นองค์ประกอบในน้ำลาย จะซึมกลับไปซ่อมแซมผิวฟันส่วนรอยโรคฟันผุ เมื่อสภาพในช่องปากมีความเหมาะสม

ความสำคัญของน้ำลาย

การที่น้ำลายช่วยป้องกันฟันผุ นั้นมีความสำคัญต่อสุขภาพของช่องปากเป็นอย่างมาก ดังนั้น หากคุณพบความผิดปกติเกี่ยวกับน้ำลาย หรือพบว่ามีการหลั่งน้ำลายน้อยลงมากกว่าปกติ คุณควรไปพบคุณหมอเพื่อทำการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและทำการรักษาในทันที นอกจากนี้ก็ควรที่จะคอยดูแลรักษาสุขภาพของช่องปากให้สะอาดเรียบร้อย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาใดๆ กับช่องปากของคุณ

น้ำลาย ช่วยป้องกันกันฟันผุได้จริงหรือไม่

Adblock test (Why?)


น้ำลาย ช่วยป้องกันกันฟันผุได้จริงหรือไม่ - Thainews Online
Read More

มาแล้ว "ยาฉีดป้องกันโควิด" โอไมครอน ผลทดสอบพบ มีฤทธิ์ต้าน BA.4-BA.5 - คมชัดลึก

เกาะติดสถานการณ์การระบาดโควิด19 โอไมครอน BA.4 และ BA.5 กำลังเริ่มระบาดมากขึ้น และจากข้อมูลพบว่า สายพันธุ์ดังกล่าว มีแนวโน้มการแพร่ระบาดได้รุนแรง และกระจายเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนล่างได้ค่อนข้างดี พอ ๆ กับสายพันธุ์เดลตา แน่นอนว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ยังคงสามารถป้องกันการติดเชื้อโควิดได้ในระดับหนึ่ง แต่ปัจจุบันนี้ นวัตกรรม เทคโนโลยี รวมไปถึงยารักษา ป้องกันโควิด19 มีมากยิ่งขึ้น หลายบริษัทวัคซีน และ "ยาฉีดป้องกันโควิด" ออกมาเพื่อลดอัตราการติดเชื้อ และเสียชีวิตให้แก่ประชากรโลก และแน่นอน เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินคำว่า LAAB หรือยาแอนติบอดีออกฤทธิ์ยาวแบบผสมกันมาบ้างแล้ว แต่อาจยังมีข้อสงสัยต่าง ๆ เช่น เหมาะกับใคร ใช้งานอย่างไร รวมไปถึงมีความสามารถป้องกันโรคโควิด-19 ได้จริงหรือไม่ และออกฤทธิ์ยาวนานแค่ไหน ฯลฯ ซึ่งวันนี้เราได้รวบรวมคำตอบสำหรับทุกคำถามของคุณไว้ที่นี่ และพร้อมจะพาคุณไปทำความรู้จัก LAAB หรือ "ยาฉีดป้องกันโควิด" ให้มากขึ้น

1.LAAB ย่อมาจาก Long-acting Antibody หรือ ยาแอนติบอดีออกฤทธิ์ยาวแบบผสม ใช้เพื่อการป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 ซึ่งสามารถลบล้างฤทธิ์เชื้อไวรัสสายพันธ์ย่อยโอมิครอน BA.1  BA.1.1  BA.2  BA.3  BA.4 และ BA.5 ได้ รวมไปถึงยังสามารถลดความเสี่ยงของการติดเชื้อโควิด-19 แบบมีอาการได้อีกด้วย

2.LAAB สามารถใช้ในผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป (น้ำหนักตัวมากกว่า 40 กิโลกรัม) ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องและผู้ที่อาจมีการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้ไม่เพียงพอจากโรคร่วมต่างๆ เช่น ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ ผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกันผู้ป่วยล้างไต รวมถึงผู้ที่ไม่สามารถรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้

3.สำหรับการใช้งาน LAAB เป็นยาฉีดเข้ากล้ามเนื้อบริเวณสะโพกทั้ง 2 ข้าง ข้างละ 150 มิลลิกรัม โดยมีผลวิจัยสนับสนุนว่าการฉีดยาครั้งเดียวสามารถให้การป้องกันการติดเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 ได้อย่างน้อย
6 เดือน

ติดตามกระแสโซเชี่ยลเพิ่เติม https://www.facebook.com/komchadluek/

4.ปัจจุบัน LAAB "ยาฉีดป้องกันโควิด" ได้รับการขึ้นทะเบียนในหลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น ประเทศสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร รวมถึงสหภาพยุโรป และอีกกว่า 30 ประเทศทั่วโลกสำหรับการป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19

5.หากมีคำถามว่าบุคคลทั่วไปสามารถรับยา LAAB ได้หรือไม่ คงต้องตอบว่าเบื้องต้นยา LAAB นั้นได้รับ การขึ้นทะเบียนให้ใช้ในกลุ่มประชากรที่เปราะบาง มีความเสี่ยงสูง และมีปัญหาเรื่องภูมิคุ้มกันบกพร่อง รวมถึงประชากรที่ไม่สามารถรับวัคซีนได้ก่อน

6.เมื่อไม่นานมานี้ แอสตร้าเซนเนก้าได้ประกาศผลลัพธ์จากการทดลองแท็คเคิล (TACKLE) การศึกษาระยะที่ 3 เพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง ซึ่งแสดงถึงประสิทธิภาพของ LAAB ในการใช้เพื่อป้องกันการเกิดโรครุนแรง และป้องกันการเสียชีวิต โดยผลการศึกษานี้บ่งชี้ว่า LAAB สามารถมีบทบาทในการใช้รักษาโรคโควิด-19 ซึ่งต้องรอการขึ้นทะเบียนการใช้ในอนาคต

7.ทั้งนี้ LAAB มีผลข้างเคียงที่ยอมรับได้ดี และไม่มีการระบุถึงปัญหาด้านความปลอดภัย โดยผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดคือปฏิกิริยาบริเวณที่ฉีด ซึ่งส่วนมากมีอาการเล็กน้อยถึงปานกลางและสามารถหายได้เอง

ติดตามข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม https://www.komchadluek.net/

Adblock test (Why?)


มาแล้ว "ยาฉีดป้องกันโควิด" โอไมครอน ผลทดสอบพบ มีฤทธิ์ต้าน BA.4-BA.5 - คมชัดลึก
Read More

น้ำลาย ช่วยป้องกันกันฟันผุได้จริงหรือไม่ - Thainews Online

น้ำลาย มีประโยชน์อย่างไร ?

1. น้ำลายช่วยในการชะล้าง ลดการการติดของจุลินทรีย์ในช่องปาก

2. น้ำลายช่วยเจือจางกรดหรือทำหน้าที่เป็นสารบัฟเฟอร์ เพื่อช่วยควบคุมความเป็นกรดด่าง(pH)ในช่องปากให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม คือ สภาพpHในช่องปากที่ไม่ส่งเสริมให้เกิดการละลายแร่ธาตุจากผิวฟัน

3.น้ำลายช่วยในการคืนกลับของแร่ธาตุ กรณีเกิดรอยโรคฟันผุที่ชั้นเคลือบฟันแล้ว แต่ยังไม่ผุจนเป็นรู โดยแคลเซียมและฟอสเฟต ซึ่งเป็นองค์ประกอบในน้ำลาย จะซึมกลับไปซ่อมแซมผิวฟันส่วนรอยโรคฟันผุ เมื่อสภาพในช่องปากมีความเหมาะสม

ความสำคัญของน้ำลาย

การที่น้ำลายช่วยป้องกันฟันผุ นั้นมีความสำคัญต่อสุขภาพของช่องปากเป็นอย่างมาก ดังนั้น หากคุณพบความผิดปกติเกี่ยวกับน้ำลาย หรือพบว่ามีการหลั่งน้ำลายน้อยลงมากกว่าปกติ คุณควรไปพบคุณหมอเพื่อทำการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและทำการรักษาในทันที นอกจากนี้ก็ควรที่จะคอยดูแลรักษาสุขภาพของช่องปากให้สะอาดเรียบร้อย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาใดๆ กับช่องปากของคุณ

น้ำลาย ช่วยป้องกันกันฟันผุได้จริงหรือไม่

Adblock test (Why?)


น้ำลาย ช่วยป้องกันกันฟันผุได้จริงหรือไม่ - Thainews Online
Read More

รมต.ติดเพิ่มอีก! เผย จุรินทร์ ติดเชื้อโควิด หลังกลับจากอังกฤษ หมอสั่งเฝ้าดูอาการ - ข่าวสด

รมช.สาธารณสุข เผย จุรินทร์ ติดโควิด 19 หลังกลับจากอังกฤษ ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นไม่เกี่ยว มาตรการถอดหน้ากาก ขอประชาชนอย่าประมาท

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.2565 นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข เปิดเผยว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ตรวจพบเชื้อโควิด-19 หลังจากเดินทางกลับมาจากปฎิบัติภารกิจที่ประเทศอังกฤษ โดยแพทย์ให้รักษาตัวเองตามขั้นตอนของสาธารณสุข เฝ้าดูอาการจนกว่าจะหาย

ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ในระยะนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นผลมาจากการผ่อนคลายมาตรการให้ถอดหน้ากากอนามัย ตามความสมัครใจ แต่เป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องจากมีการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการขยายเวลาเปิดสถานบันเทิง ทั้งนี้ขอให้ประชาชนไม่ต้องเป็นกังวล แต่ก็ต้องรักษามาตรการ เว้นระยะห่าง ใส่หน้ากากอนามัยในที่แออัด และยังระมัดระวังตนเองเหมือนเดิม

นายสาธิต กล่าวว่า ยืนยันว่า โรคโควิด 19 สายพันธุ์ BA.4 BA.5 แม้จะเริ่มแพร่ระบาดในไทย แต่กระทรวงสาธารณสุข ก็ได้ติดตาม ลักษณะอาการ มาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งพบว่ายังไม่มีผลการจิวัยชี้ชัดว่าจะมีอาการรุนแรง

Adblock test (Why?)


รมต.ติดเพิ่มอีก! เผย จุรินทร์ ติดเชื้อโควิด หลังกลับจากอังกฤษ หมอสั่งเฝ้าดูอาการ - ข่าวสด
Read More

นับถอยอีก2วัน! 'โควิด' เปลี่ยนสถานะหลังระบาดใหญ่ แนะหา5สมุนไพรติดบ้านด่วน | เดลินิวส์ - เดลินิวส์ออนไลน์

เหลือเวลาอีกไม่กี่วัน เชื่อได้ว่าความรู้สึกคนไทยทั้งประเทศกำลังจะเป็นไท หลัง นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ออกมาเปิดเผยว่า วันที่ 1 ก.ค.65 ที่จะถึงนี้โรคโควิด-19 ในประเทศไทย จะเปลี่ยนสถานะมาใช้คำว่า ระยะหลังการระบาดใหญ่ (Post-Pandemic) คือการระบาดลดความรุนแรงลง ระบบสาธารณสุขรองรับได้ ส่วนการจะเป็นโรคประจำถิ่น ทางองค์การอนามัยโลกจะเป็นผู้ประกาศ อย่างไรก็ตามยังต้องมีการรณรงค์ฉีดวัคซีนต่อเนื่อง โดย 4 เดือนให้มาฉีดซ้ำ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น

สธ.คอนเฟิร์ม 1 ก.ค.ไทยพ้นโควิดระบาดใหญ่ตามแผน!

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทาง เดลินิวส์ออนไลน์ ยังมีความเป็นห่วงต่อการวิถีความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวไทย ที่อาจอยากกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ ซึ่งต่างเข้าใจความรู้สึกกันดี แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่อยากให้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติแบบประมาท เนื่องจากถึงแม้โควิดจะกลายเป็นโรคประจำ แต่ก็ยังคงมาผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง จึงหยิบยกข้อมูลของทาง โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร มานำเสนอ เพื่อเป็นอาวุธประจำบ้านไว้คอยต่อกรกับโควิด ในชีวิตประจำวัน โดยเป็นข้อมูล 5 สมุนไพรที่ช่วยเหลือผู้ป่วยติดเชื้อโควิด ที่สามารถเลือกใช้ยาสมุนไพร หรือยารักษาตามอาการได้ โดยการดูแลรักษา จะใช้ยาตามอาการเหมือนการรักษาหวัด หรือใช้สมุนไพรทางเลือกเพื่อบรรเทาอาการ ดังนี้

1.ฟ้าทะลายโจร เป็นยาสมุนไพรพื้นฐาน ที่ใช้ในการรักษาไข้ และอาการของหวัด จากการศึกษาข้อมูล พบว่า ฟ้าทะลายโจร ออกฤทธิ์ต่อเอนไซม์หลายชนิด ที่มีผลต่อการเพิ่มจำนวนของไวรัสโควิด-19 ช่วยป้องกันไม่ให้ไวรัสจับกับเซลล์ปอดได้ และฟ้าทะลายโจร ยังมีประโยชน์ในหลายกลไก

สำหรับผู้ติดเชื้อโควิด ควรได้รับฟ้าทะลายโจร หรือเปรียบเทียบปริมาณสารสำคัญ แอนโดรกราโฟไลด์ อยู่ที่ 120-180 มิลลิกรัม ต่อวัน ใช้ยารักษาต่อเนื่องกัน 5 วัน และควรใช้ทันทีที่มีอาการแสดงของหวัด เช่น ไข้ เจ็บคอ ไอ จะให้ผลการรักษาบรรเทาอาการที่ดีกว่า แต่ห้ามใช้กับผู้ที่ตั้งครรภ์ ให้นมบุตร มีประวัติแพ้ฟ้าทะลายโจร กินยาวาร์ฟาริน หรือ ท่านที่มีโรคไต และตับผิดปกติ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ยา ในกรณีหญิงให้นมบุตร หากติดเชื้อและต้องการใช้ยาฟ้าทะลายโจร ให้หยุดการให้นมระหว่างที่ใช้ยา และหลังจากหยุดใช้ยาแล้ว 2-3 วัน จึงกลับมาให้นมบุตรได้ตามปกติ

2.มะขามป้อม มีรสเปรี้ยวฝาด ช่วยบรรเทาอาการไอ มีเสมหะ ทำให้ชุ่มคอ สามารถใช้รูปแบบยาแก้ไอ หรือเม็ดอมแก้ไอได้บ่อยครั้งตามต้องการ นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่า การชงผลมะขามป้อม เพียง 1 กรัม หรือประมาณ 3 ผลมะขามป้อมไทย สามารถช่วยเสริมการทำงานของภูมิคุ้มกันได้ สามารถใช้ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เพื่อบรรเทาอาการ

3.ขิง เสริมภูมิคุ้มกัน สร้างความอบอุ่น ช่วยย่อย ขับลม และช่วยบรรเทาอาการไอ ลดเสมหะ พื้นบ้านนิยมใช้เมื่อเป็นหวัดเพื่อช่วยให้ปอดอุ่น สามารถรับประทานในรูปแบบน้ำขิง หรือยาขิงแคปซูลได้เมื่อมีอาการ ระวังการใช้ขิงปริมาณสูงในผู้ที่มีไข้ตัวร้อนสูง เนื่องจากขิงมีฤทธิ์ร้อน

4.กระชาย โดยสารสกัดสามารถแสดงฤทธิ์ในการต้านไวรัสซาร์ส ในระยะหลังการติดเชื้อและยังพบว่าสาร panduratin (แพนดูราทิน) ของกระชายขาวมีฤทธิ์ในการต้านไวรัสทั้งในระยะก่อนและหลังการติดเชื้อ และยังมีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเชื้อเอดส์ ต้านไวรัสไข้เลือดออกในกลุ่ม Flaviviridae family และยับยั้งเชื้อไวรัส picornavirus ซึ่งก่อโรคมือเท้าปาก นอกจากนี้ยังพบว่า ช่วยยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในสัตว์ทดลองและในคนต่อไป ในสถานการณ์โควิด-19 สามารถใช้กระชายในรูปแบบของอาหาร และเครื่องดื่มเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันได้

ในช่วงที่มีการระบาดของโควิด มีการใช้กระชายในผู้ป่วย ที่ไม่มีอาการไข้ตัวร้อนสูง โดยรับประทานรูปแบบแคปซูลผงกระชาย ขนาด 500 มิลลิกรัม ครั้งละ 4 แคปซูล วันละสามเวลา เป็นเวลา 5 วัน สามารถกินร่วมกับฟ้าทะลายโจรได้ แต่อาจทำให้เรอหรือผายลม การใช้ให้ได้ประโยชน์จำเป็นต้องกินทั้งเนื้อกระชายเนื่องจากตัวสารสำคัญไม่ละลายน้ำหรือละลายน้ำได้น้อย หรือ ตุ๋นกระชายกับเนื้อสัตว์อะไรก็ได้ แล้วกินทั้งน้ำและเนื้อ หรือกินกระชายเป็นผักในปริมาณมากๆ ซึ่งเป็นวิธีการใช้กระชายเป็นยาที่ดีที่สุด

เนื่องจากกระชายมีฤทธิ์ร้อน ไม่ควรรับประทานเมื่อมีไข้ หรือรับประทานขนาดสูงในผู้ที่มีภาวะกรดไหลย้อน แผลในกระเพาะอาหาร อาจทำให้ระคายเคือง และผู้ที่มีความผิดปกติของตับไต ควรปรึกษาก่อนรับประทาน การรับประทานร่วมกับยาละลายลิ่มเลือดวาร์ฟาริน (Warfarin) อาจเสริมฤทธิ์ยาได้

5.หอมแดง มีสารเควอซิทิน (quercetin) ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ต้านการแพ้ คนไทยนิยมใช้หอมแดงช่วยบรรเทาอาการหวัด คัดจมูก ลดน้ำมูก ช่วยให้จมูกโล่งขึ้น โดยใช้หอมแดงทุบพอบุบให้เกิดกลิ่น ห่อผ้าขาวบางวางไว้ใกล้หมอนเพื่อสูดดมกลิ่น เป็นตัวช่วยแก้หวัดคัดจมูกสำหรับเด็ก ในผู้ใหญ่ สามารถรับประทานหอมแดงเป็นประจำได้ในรูปแบบของอาหาร หรือต้มเพื่อสูดดมไอน้ำ ครั้งละ 15-30 นาที หรือจนหมดกลิ่นหอม ทำได้เรื่อยๆ จนกว่าอาการจะดีขึ้น

Adblock test (Why?)


นับถอยอีก2วัน! 'โควิด' เปลี่ยนสถานะหลังระบาดใหญ่ แนะหา5สมุนไพรติดบ้านด่วน | เดลินิวส์ - เดลินิวส์ออนไลน์
Read More

สวพ. FM 91 สถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัยและการจราจร - สวพ. FM 91 สถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัยและการจราจร

28 มิ.ย. 2565 | 12:21:55

ลอสแอนเจลิส, 28 มิ.ย. (ซินหัว) — เมื่อวันจันทร์ (27 มิ.ย.) สถาบันกุมารเวชศาสตร์อเมริกา (AAP) และสมาคมโรงพยาบาลเด็ก (CHA) เปิดเผยว่าสหรัฐฯ พบเด็กป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เกือบ 330,000 ราย ในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา

รายงานระบุว่าสหรัฐฯ มีเด็กป่วยโรคโควิด-19 เกือบ 68,000 ราย ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 23 มิ.ย. สูงกว่าช่วงสัปดาห์ของวันที่ 24 มิ.ย. เมื่อปีก่อน ซึ่งพบเด็กป่วย 8,400 ราย เป็นอย่างมาก

นอกจากนั้นสหรัฐฯ พบเด็กป่วยติดเชื้อไวรัสฯ เพิ่มประมาณ 5.8 ล้านรายในปี 2022 และมีเด็กป่วยโรคโควิด-19 สะสมกว่า 13.6 ล้านรายแล้ว นับตั้งแต่เกิดโรคระบาดใหญ่ในประเทศ

สถาบันฯ ระบุว่าการรวบรวมข้อมูลเฉพาะกลุ่มอายุเพิ่มขึ้นเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน เพื่อประเมินระดับความรุนแรงของโรคที่เกี่ยวข้องกับเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์ใหม่ๆ รวมถึงผลกระทบระยะยาวที่อาจเกิดขึ้น

“สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักว่าโรคระบาดใหญ่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของเด็ก แต่ที่สำคัญยิ่งคือเราต้องระบุและจัดการกับผลกระทบระยะยาวต่อสวัสดิภาพทางกาย ใจ และสังคมของเด็กและเยาวชนรุ่นนี้ด้วย”


Share this:

Adblock test (Why?)


สวพ. FM 91 สถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัยและการจราจร - สวพ. FM 91 สถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัยและการจราจร
Read More

Monday, June 27, 2022

มาเงียบๆแต่รุนแรง! มหาสารคามเดือนเดียวยอดผู้ป่วยไข้เลือดออกพุ่ง 61 ราย | เดลินิวส์ - เดลินิวส์ออนไลน์

This website uses cookies to improve your experience while you navigate through the website. Out of these, the cookies that are categorized as necessary are stored on your browser as they are essential for the working of basic functionalities of the website. We also use third-party cookies that help us analyze and understand how you use this website. These cookies will be stored in your browser only with your consent. You also have the option to opt-out of these cookies. But opting out of some of these cookies may affect your browsing experience.

Adblock test (Why?)


มาเงียบๆแต่รุนแรง! มหาสารคามเดือนเดียวยอดผู้ป่วยไข้เลือดออกพุ่ง 61 ราย | เดลินิวส์ - เดลินิวส์ออนไลน์
Read More

Sunday, June 26, 2022

ทูน ประกันภัย เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 'เบาหวาน Protect' - บ้านเมือง

วันจันทร์ ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2565, 10.55 น.

ทูน ประกันภัย เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ‘เบาหวาน Protect’

จากสถิติทั่วโลกพบว่ามีผู้ป่วยเบาหวานถึง 463 ล้านคน และในประเทศไทยพบว่ามีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 3 แสนคนต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้เพราะเกิดจากภาวะน้ำตาลในเลือดสูง รวมไปถึงการรับประทานอาหารไม่เป็นเวลาอีกทั้งรับประทานขนม ของหวานและของทอดเป็นประจำ จึงเป็นสาเหตุที่ทำเกิดภาวะเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานได้โดยง่ายเช่นกัน

นายเบน อาศนะเสน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทูน ประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ Tune Protect Thailand และ Group Health Leader ผู้นำด้านสุขภาพกลุ่มบริษัท Tune Protect Group ได้เปิดเผยว่า “บริษัท ทูน ประกันภัย มีความพร้อมที่จะเปิดตัวแผนประกันภัยตัวใหม่ ที่จะสามารถรองรับกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในครั้งนี้เราได้โฟกัสในส่วนของโรคเบาหวาน ในชื่อผลิตภัณฑ์ว่า  ประกันเบาหวาน Protect (Bao Wan Protect) สาเหตุที่เราได้โฟกัสในส่วนของโรคเบาหวานก็เพราะว่า เราเล็งเห็นว่าพฤติกรรมส่วนใหญ่ของคนไทยเป็นคนชอบรับประทาน และอาหารส่วนใหญ่ค่อนข้างที่จะเน้นไปทางด้านของทอด และของหวาน นอกจากนี้สถิติผู้ป่วยเบาหวานจากกองโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ก็พบว่ามีสถิติที่สูงขึ้นทุกปี

เราจึงมองว่าโรคเบาหวานจึงเป็นโรคที่ไม่ควรมองข้ามและน่าจะตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ของเราได้ดี จึงเป็นที่มาของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ประกันเบาหวาน Protect (Bao Wan Protect) สำหรับจุดเด่นของประกันตัวนี้สามารถรับเงินก้อนสูงสุดถึง 2,000,000 บาท หากตรวจพบว่าโคม่าจากโรคเบาหวาน และให้ความคุ้มครองโรคหลอดเลือดหัวใจอาการโคม่าจากเบาหวาน, คุ้มครองเบาหวานเข้าจอประสาทตาทั้ง 2 ข้าง รวมถึงได้รับเงินชดเชยกรณีผู้ป่วยใน IPD (สูงสุด 30 วัน) คุ้มครองการสูญเสียแขนและขา การปลูกถ่ายไต ร่างกายปฎิเสธการปลูกถ่ายอวัยวะ ประกันเบาหวาน Protect (Bao Wan Protect) สามารถทำประกันได้ตั้งแต่อายุ 1-65 ปี นอกจากนี้ ลูกค้าจะยังได้รับบริการตรวจเลือดที่โรงพยาบาลในเครือข่ายของบริษัทอีกด้วย ที่สำคัญในการซื้อทุกกรมธรรม์ยังสมทบทุนมอบให้สภากาชาดไทย โดยเบี้ยเริ่มแค่เพียง 4 บาท/วัน** เท่านั้น

ประกันเบาหวาน Protect (Bao Wan Protect) จึงถือเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ล่าสุดของทูน ประกันภัย (Tune Protect) ที่น่าจะตอบสนองกับความต้องการใหม่ๆ ของกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นนอกจากนี้ยังถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าจะตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนไทยในปัจจุบัน และสร้างความอุ่นใจในยามที่ตรวจเจอโรคเบาหวาน

นอกจากนี้สำหรับผู้ที่ซื้อแผนประกันเบาหวาน Protect สามารถใช้บริการ Dfit โปรแกรมสุขภาพ โดยเป็นบริการผ่านแอปพลิเคชั่น Naluri ซึ่ง Naluri (นัลลูรี่) คือแอปพลิเคชั่นระดับโลก ผู้ให้บริการทางสุขภาพผ่านระบบดิจิทัลเพื่อดูแลแบบองค์รวม ทีมโค้ชสุขภาพของ Naluri (นัลลูรี่) ประกอบด้วยนักจิตวิทยา นักกำหนดอาหาร แพทย์ ฟิตเนสโค้ช และโค้ชด้านอาชีพการงาน ทุกคนพร้อมดูแลให้คุณบรรลุเป้าหมายทางสุขภาพที่ได้ตั้งใจไว้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อลดน้ำหนัก คุมความดัน คุมเบาหวาน คุมระดับไขมัน หรือจัดการกับความเครียด เพื่อให้คุณไปถึงเป้าหมายและมีสุขภาพอย่างยั่งยืน ซึ่งข้อดีของโปรแกรม Dfit มีดังนี้

ฟรี! 24/7 เข้าถึงโค้ชสุขภาพส่วนตัวของคุณได้ทุกที่ทุกเวลา สามารถแชทคุย วิดีโอคอล หรือโทรคุยกับโค้ชได้

ฟรี! การตรวจเช็กสุขภาพ เพื่อป้องกันโรคเบาหวาน

ฟรี! จัดโปรแกรมสุขภาพที่เหมาะกับเป้าหมายด้านสุขภาพของคุณโดยเฉพาะ

ทั้งนี้ผู้ที่สามารถใช้บริการโปรแกรมสุขภาพ Dfit Powered by Naluri ได้จะต้องเป็นผู้ถือกรมธรรม์ทุกแผนประกันเบาหวาน Protect (Bao wan protect) โดยสามารถใช้บริการดังกล่าวได้ตั้งแต่วันที่กรมธรรม์มีผลบังคั

นอกจากนี้เรายังได้เพิ่มสิทธพิเศษสำหรับผู้ซื้อประกันกับเรา โดยสามารถตรวจเลือดฟรี ในโรงพยาบาลในเครือข่ายของบริษัทได้อีกด้วยเช่นกัน

สำหรับประกันเบาหวาน Protect (Bao Wan Protect) นั้นถือเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่เราต้องการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ให้ได้มากที่สุด รวมไปถึงสร้างความเชื่อมั่นใหม่ๆ ในการให้บริการของ ทูน ประกันภัย (Tune Protect) ที่มีความมุ่งมั่นในการที่สร้างความพึงพอใจให้กับผู้ใช้บริการ ให้ได้รับความพึงพอใจและเกิดประโยชน์สูงสุด” คุณเบนกล่าวทิ้งท้าย

Adblock test (Why?)


ทูน ประกันภัย เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 'เบาหวาน Protect' - บ้านเมือง
Read More

ปวดในช่องท้อง สัญญาณเตือน 9 โรคอันตราย อย่านิ่งนอนใจจนโรคลุกลาม - PPTVHD36

ปวดในช่องท้อง  สัญญาณเตือน 9 โรคอันตราย อย่านิ่งนอนใจจนโรคลุกลาม
ดูแลกาย
เผยแพร่: 103

ปวดท้องอย่าเพิ่งนิ่งนอนใจว่าเป็นเพียงโรคกระเพาะ หากมีความผิดปกติควรได้รับการวินิจฉันจากแพทย์ ก่อนโรคลุกลามจนสายเกินแก้

อวัยวะภายในช่องท้อง ไม่ว่าจะเป็น กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ทวารหนัก ตับ ถุงน้ำดี ท่อน้ำดี ตับอ่อน ล้วนเป็นอวัยวะภายในที่สำคัญ เริ่มตั้งแต่รับประทานเข้าไป รวมทั้งย่อยและขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย 

เมื่อใดก็ตามที่อวัยวะเหล่านี้ทำงานผิดปกติ ย่อมส่งสัญญาณเตือนอันตรายออกมา ที่สังเกตได้ง่ายคือ อาการปวดท้อง ซึ่งไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะแม้อาการปวดเพียงเล็กน้อยก็อาจมีภาวะผิดปกติอย่างร้ายแรงที่คาดไม่ถึงก็เป็นได้

มะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคที่ผู้ชายวัย 50+ เสี่ยงมากกว่าใคร

ท้องผูกบ่อย ๆ เรื่องใหญ่กว่าที่คิด ลองปรับชีวิตประจำวันก่อนกินยา

ปวดในช่องท้อง  สัญญาณเตือน 9 โรคอันตราย อย่านิ่งนอนใจจนโรคลุกลาม

9 โรคในช่องท้องที่พบได้บ่อย ได้แก่

1.นิ่วในถุงน้ำดี 

โดยปกติแล้วถุงน้ำดีจะทำหน้าที่ในการกักเก็บน้ำดี และเพิ่มความเข้มข้นในการย่อยสลายอาหารประเภทไขมันให้ดียิ่งขึ้น การเกิดนิ่วในถุงน้ำดีอาจเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ อาทิ การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง ๆ หรือคนที่อ้วนมาก ๆ และโรคเลือดต่าง ๆ ทำให้องค์ประกอบน้ำดีเสียไปจนเกิดการตกตะกอนกลายเป็นนิ่วขึ้น 

อาการของนิ่วในถุงน้ำดี

  • สัญญาณเตือนเบื้องต้นคือ ท้องอืด แน่นท้อง อาหารไม่ย่อย แต่จะไม่ปวดแสบเหมือนโรคกระเพาะ ผ่านไปสักพักคนไข้จะรู้สึกดีขึ้นเอง จนบางครั้งอาจเข้าใจผิดว่ากินแค่ยาลดกรดขับลมก็หาย 
  • ในกรณีที่ปล่อยทิ้งไว้ถึงขั้นถุงน้ำดีอักเสบอาการอาจรุนแรงขึ้นได้ เช่น 
    • คนไข้จะมีอาการปวดจุก ๆ ขยับตัวไม่ได้ 
    • หายใจเข้าก็เจ็บ เพราะเวลาหายใจเข้ากระบังลมจะดันลงต่ำจนไปดันถุงน้ำดีที่อักเสบอยู่ 
    • ปวดชายโครงขวาหรือร้าวไปหลัง 
    • อาจเกิดเป็นหนองและติดเชื้อในกระแสเลือดได้ 
  • ถ้านิ่วหลุดและหล่นลงมาอุดตันบริเวณท่อน้ำดี คนไข้จะมีอาการไข้ 
    • หนาวสั่น 
    • ตัวเหลือง ตาเหลือง 
    • เกิดการอักเสบติดเชื้อของทางเดินท่อน้ำดี ต้องได้รับการผ่าตัดเร่งด่วนและซับซ้อนมากยิ่งขึ้น 

หากมีนิ่วค้างอยู่เป็นเวลานานอาจกระตุ้นให้เกิดโรคมะเร็งท่อน้ำดี หรือทำให้ตับอ่อนอักเสบได้ นอกจากนี้ถ้าก้อนนิ่วมีขนาดใหญ่มากยังเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งถุงน้ำดีได้ 

ดังนั้นหากตรวจพบนิ่วในถุงน้ำดี ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษา เพราะนิ่วนั้นโอกาสน้อยมากที่จะหายไปได้เอง ควรหมั่นเข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ หรือหากมีอาการตามเบื้องต้น ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงของโรคด้วยการอัลตราซาวนด์ช่องท้องส่วนบนเพื่อทำการรักษาต่อไป 

ท้องอืด แน่นท้อง คลำพบก้อน  “มะเร็งรังไข่” ภัยร้ายของผู้หญิง

ปวดท้อง "ไส้ติ่งอักเสบ" สังเกตให้เป็นก่อนเสี่ยง “แตก”

ปวดในช่องท้อง  สัญญาณเตือน 9 โรคอันตราย อย่านิ่งนอนใจจนโรคลุกลาม

2.ไส้เลื่อนหน้าท้อง ขาหนีบ 

ไส้เลื่อนหน้าท้อง ขาหนีบ คือ การที่ผนังของกล้ามเนื้ออ่อนแอลงหรือความดันในช่องท้องมากขึ้น ทำให้เกิดการหย่อนหรือฉีกขาด ส่งผลให้อวัยวะในช่องท้องเคลื่อนออกมา ทำให้เกิดอาการปวดจุก ๆ ท้อง ร่วมกับสังเกตเห็นการนูนเป็นก้อนในตำแหน่งนั้น ซึ่งส่วนใหญ่ที่พบ ได้แก่ บริเวณสะดือ ขาหนีบ ผนังหน้าท้องที่เคยมีการผ่าตัดมาก่อน 

ปัจจัยของการเกิดไส้เลื่อนเกิดได้จาก

  • ความอ้วน น้ำหนักตัวที่เพิ่มจะทำผนังหน้าท้องขยายจนทำให้ผิวบริเวณหน้าท้องตึงและบาง 
  • อายุที่เพิ่มขึ้นผนังหน้าท้องจะเริ่มบางและอ่อนแอลง 
  • ความดันในช่องท้องมากกว่าปกติ เช่น ยกของหนัก การเบ่งปัสสาวะหรืออุจจาระแรง ๆ ต่อมลูกหมากโต ท้องผูก 
  • โรคบางชนิดที่ทำให้มีน้ำในช่องท้องเพิ่มขึ้น 

อาการของไส้เลื่อนคือ คนไข้จะปวดท้องแบบจุก ๆ รู้สึกแน่น ๆ บริเวณใกล้ ๆ ก้อน หากสังเกตว่ามีส่วนใดบริเวณหน้าท้องหรือขาหนีบนูนขึ้นมาเป็นก้อนผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย 

อาการเหล่านี้หากเป็นจากไส้เลื่อนไม่สามารถหายได้เอง หากปล่อยทิ้งไว้อาจรุนแรงหรือมีความยุ่งยากในการผ่าตัดมากขึ้น เช่น ลำไส้เน่าหรืออุดตัน เพราะลำไส้ไม่สามารถกลับเข้าไปได้ โดยคนไข้จะมีอาการปวดที่ก้อนมาก อาเจียน ปวดท้องแบบบีบ ๆ ถ่ายไม่ออก  

ปวดในช่องท้อง  สัญญาณเตือน 9 โรคอันตราย อย่านิ่งนอนใจจนโรคลุกลาม

3.ไส้ติ่ง 

ไส้ติ่ง อวัยวะที่มีลักษณะเป็นท่อตัน เป็นส่วนหนึ่งที่ยื่นออกจากลำไส้ใหญ่ ไส้ติ่งอักเสบเกิดจากอุดตันจากเศษอาหาร ต่อมน้ำเหลืองจากการติดเชื้อของลำไส้ 

อาการของไส้ติ่งอักเสบคือ ในช่วงแรกจะคล้ายคลึงกับโรคกระเพาะ ต้องอาศัยการซักประวัติตรวจอย่างละเอียด โดยคนไข้จะมีอาการเบื้องต้นคือ 

  • คลื่นไส้ 
  • เบื่ออาหาร
  • ปวดท้องบริเวณลิ่นปี่หรือกลางท้อง ต่อมาผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการปวดบริเวณท้องน้อยด้านขวามากขึ้นหรือร้าวไปด้านหลังก็ได้ ขึ้นกับตำแหน่งการวางตัวของไส้ติ่ง 
  • หากอาการปวดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ คนไข้มักขยับตัวไม่ค่อยได้ จะรู้สึกเจ็บมาก เริ่มมีไข้ 

ซึ่งอาการปวดไส้ติ่งไม่สามารถหายเองได้ ถ้าไม่ได้รับการรักษาอาจจะทำให้ไส้ติ่งแตกเป็นอันตรายได้ ทั้งนี้ควรสังเกตตนเองหากมีอาการปวดท้องด้านขวาสักพักแล้วไม่หาย และยังมีอาการเจ็บเพิ่มขึ้นควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว 

ปวดท้องอย่าชะล่าใจ  หลอดเลือดแดงใหญ่อาจ "ปริ แตก" อันตรายถึงชีวิต

หน้าร้อนแบบนี้ต้องระวัง โรคท้องร่วง - อาหารเป็นพิษใน "เด็ก"

ปวดในช่องท้อง  สัญญาณเตือน 9 โรคอันตราย อย่านิ่งนอนใจจนโรคลุกลาม

4.แผลในกระเพาะอาหาร / ลำไส้อักเสบ 

โรคแผลในกระเพาะอาหารสามารถเกิดได้กับคนทุกเพศทุกวัยรวมไปถึงเด็กเล็ก โดยกระเพาะอักเสบมักจะพบได้กับผู้ที่อายุมากกว่า 60 ปี 

ส่วนลำไส้เล็กอักเสบพบในผู้ป่วยอายุน้อยกว่า ปัจจัยเสี่ยงที่พบมากคือ กลุ่มคนที่ทานยาละลายลิ่มเลือด ยาแอสไพริน ยาแก้อักเสบบ่อย ๆ ทานข้าวไม่ตรงเวลา ทานรสเผ็ดจัด ดื่มกาแฟเป็นประจำ รวมถึงความเครียด หรือการติดเชื้อแบคทีเรียในกระเพาะอาหาร 

อาการ

คนที่เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบมักมีอาการปวดท้องทั้งก่อนและหลังรับประทานอาหาร แต่จะค่อย ๆ หายไปเมื่อรับประทานอาหารเข้าไปสักพัก ไม่สบายท้องส่วนบน เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ รู้สึกเหมือนมีลมในท้องมาก คลื่นไส้ อาเจียน  

ขณะที่โรคลำไส้อักเสบมักพบในกลุ่มวัยทำงานได้มากกว่า สังเกตอาการเบื้องต้นคือ อาการแสบท้อง คนไข้จะมีอาการแสบท้องก่อนรับประทานอาหาร แต่เมื่อได้ทานเข้าไปแล้วจะมีอาการดีขึ้น 

การวินิจฉัยโรคทำได้โดยการส่องกล้องเพื่อตรวจหาความผิดปกติที่เกิดภายในลำไส้ การปฏิบัติตัวเป็นสิ่งสำคัญคือ ทานอาหารให้ตรงเวลา ทานอาหารย่อยง่าย งดอาหารรสจัด ไม่ทานเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ รวมถึงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ และลดความเครียด 

ปวดในช่องท้อง  สัญญาณเตือน 9 โรคอันตราย อย่านิ่งนอนใจจนโรคลุกลาม

5.กรดไหลย้อน 

กรดไหลย้อน อาการสังเกตเบื้องต้นของโรคกรดไหลย้อน เช่น เรอเปรี้ยว ปวดแสบปวดร้อนในช่องท้องส่วนบน ไปถึงบริเวณกลางอก บางคนอาจมีอาการไอ สะอึก เจ็บคอบ่อย ๆ ก็มีสาเหตุมาจากโรคกรดไหลย้อนได้เช่นกัน 

ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงคือ อ้วน สูบบุหรี่จัด ดื่มชา กาแฟ ทานช็อกโกแลตเป็นประจำ หรือคนที่ชอบเคี้ยวหมากฝรั่งบ่อย ๆ เพราะเป็นการเรียกน้ำย่อยและกระตุ้นกรดในกระเพาะอาหาร หรือคนที่ทานอาหารแล้วนอนทันที 

การดูแลตัวเองหากเป็นกรดไหลย้อน อันดับแรกคือ 

  • งดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ลดการทานช็อกโกแลต สเต็ก เปปเปอร์มินต์ หมากฝรั่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 
  • ควรนอนหนุนหัวสูง (หมอนหนุนถึงหัวไหล่) หรือตะแคงซ้าย 
  • อย่านอนทันทีหลังรับประทานอาหาร 
  • รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งจะช่วยให้อาการกรดไหลย้อนดีขึ้นได้ 

หากการรักษาดังกล่าวไม่ดีขึ้น อาจมีไส้เลื่อนหูรูดกะบังลมร่วมด้วย ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมด้วยการส่องกล้อง หรือเครื่องตรวจวัดกรดที่หลอดอาหารและกระเพาะใน 24 ชั่วโมง ซึ่งอาจให้ยาเพิ่มเติมหรือจำเป็นต้องพิจารณาผ่าตัดรักษาต่อไป 

หลักการกินอาหาร ช่วยต้าน “นิ่วในถุงน้ำดี” ภัยเงียบที่หลายคนมองข้าม

กินเก่ง อายุน้อย หนักเกือบร้อย  ระวัง "โรคนิ่วในถุงน้ำดี"

6.ตับอ่อนอักเสบ 

ตับอ่อนอักเสบ คือ ภาวะที่เกิดการอักเสบของตับอ่อน ทำให้มีอาการปวดท้องเฉียบพลันรุนแรงได้ หน้าที่ของตับอ่อนคือ ผลิตน้ำย่อยและฮอร์โมนบางชนิด 

สาเหตุของตับอ่อนอักเสบ ส่วนใหญ่เกิดจากนิ่วในถุงน้ำดี หรือคนที่ดื่มแอลกอฮอล์ 

อาการตับอ่อนอักเสบ ปวดท้องและคลื่นไส้อาเจียนมาก โดยเฉพาะคนที่ดื่มเหล้าหนัก ๆ จะมีอาการปวดท้องจนต้องงอตัวเพื่อให้ความปวดทุเลาลง ซึ่งมักพบบ่อยในเพศชาย สามารถตรวจวินิจฉัยด้วยการอัลตราซาวนด์

ปวดในช่องท้อง  สัญญาณเตือน 9 โรคอันตราย อย่านิ่งนอนใจจนโรคลุกลาม

7.ตับอักเสบ 

ตับอักเสบเป็นภาวะอักเสบที่เกิดขึ้นบริเวณตับ สาเหตุเกิดได้ทั้งจากการติดเชื้อไวรัส หรือสาเหตุอื่น ๆ เช่น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือผลข้างเคียงจากการใช้ยา และติดเชื้อไวรัสตับ หากตับอักเสบเรื้อรัง อาจทำให้การทำงานของตับผิดปกติ เกิดตับแข็ง หรือเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งตับตามมาได้ 

อาการที่พบโดยส่วนใหญ่คือ 

  • ผู้ป่วยจะมีไข้
  • ปวดท้องด้านบนขวา 
  • ตัวเหลืองขึ้น 

การวินิจฉัยโดยการเจาะเลือดช่วยให้พบค่าการทำงานของตับผิดปกติได้ 

8.กระเปาะลำไส้ใหญ่โป่งพองอักเสบ

กระเปาะลำไส้ใหญ่โป่งพองอักเสบ ผู้ป่วยมักมีประวัติท้องผูกเรื้อรัง อาการที่พบมักปวดท้องบริเวณด้านล่างขวาหรือด้านล่างซ้าย นอกจากนี้เมื่อปล่อยทิ้งไว้อาจมีการแตกหรือการอุดตัน หรือถ่ายเป็นเลือดได้ การรักษาเริ่มตั้งแต่การให้ยาไปจนถึงการผ่าตัด 

ปวดในช่องท้อง  สัญญาณเตือน 9 โรคอันตราย อย่านิ่งนอนใจจนโรคลุกลาม

9.โรคทางนรีเวช 

อาการปวดท้องของโรคทางนรีเวช อาการสังเกตคือ การปวดบริเวณท้องน้อยด้านล่าง ตรงกลาง หรืออาจจะซ้ายและขวาก็ได้ อาจเป็นการส่งสัญญาณเตือนของโรคที่เกี่ยวกับมดลูก หรือปีกมดลูกในผู้หญิง 

การสังเกตความผิดปกติของประจำเดือน เช่น ประจำเดือนมามากหรือน้อยผิดปกติ มากะปริบกะปรอย คุณผู้หญิงควรเข้ารับการตรวจภายในหรืออัลตราซาวนด์เพื่อวินิจฉัยความผิดปกติที่เกิดขึ้น 

เช็กสักหน่อย "ถอดหน้ากากอนามัย"  ทำได้หรือไม่ได้ ตรงไหนบ้าง?

10 วิธีรับมือโควิด-19 ในผู้ป่วยมะเร็ง รู้แนวทางป้องกันไว้ดีกว่าแก้

ปวดในช่องท้อง  สัญญาณเตือน 9 โรคอันตราย อย่านิ่งนอนใจจนโรคลุกลาม

อาการปวดในช่องท้องทั้ง 9 โรคที่กล่าวมานี้ล้วนแต่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่กระทบการทำงานทั้งสิ้น เมื่อมีสัญญาณเตือนอย่าปล่อยทิ้งไว้ ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัย เพราะโรคในช่องท้องแต่ละโรค มีอาการแสดงถึงความผิดปกติ เช่น การปวดท้องที่คล้ายคลึงกัน จนหลายครั้งอาจได้รับการวินิจฉัยผิดพลาดหรือผู้ป่วยนิ่งนอนใจคิดว่าเป็นเพียงโรคกระเพาะ จนวินิจฉัยล่าช้าและส่งผลอันตรายได้ 

ซึ่งจริง ๆ แล้วอาการปวดท้องในแต่ละโรคนั้นไม่เหมือนกัน ต้องอาศัยการสังเกตและความชำนาญของแพทย์เฉพาะทางในการวินิจฉัย อีกทั้งการตรวจสุขภาพด้วยการเจาะเลือดเพียงอย่างเดียวอาจไม่พบความผิดปกติ การเข้ารับการตรวจภายในช่องท้องด้วยการอัลตราซาวนด์นับเป็นทางเลือกที่ดีเพื่อการวินิจฉัยให้การรักษาเป็นไปอย่างทันท่วงทีและช่วยลดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นตามมาได้

ขอบคุณข้อมูลสุขภาพจาก โรงพยาบาลกรุงเทพ

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติม จาก Bangkok Hospital

ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ

PPSHOP

Adblock test (Why?)


ปวดในช่องท้อง สัญญาณเตือน 9 โรคอันตราย อย่านิ่งนอนใจจนโรคลุกลาม - PPTVHD36
Read More

นายกฯ ชื่นชมนักวิจัยไทยเจ๋ง พัฒนาอุปกรณ์การแพทย์รับมือโควิด-19 ลดนำเข้า - กรุงเทพธุรกิจ

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2565 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายใต้นโยบายส่งเสริมเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์ เพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของภูมิภาค และสร้างความมั่นคงในระบบสาธารณสุข นายกรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ติดตามผลงานการคิดค้นผลงานของคนไทยอย่างใกล้ชิด

ล่าสุดได้แสดงความชื่นชมต่อนักวิจัยที่ได้พัฒนาผลงานนวัตกรรมด้านสุขภาพ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ การวินิจฉัยและการดูแลรักษา ทำให้ประเทศไทยมีความพร้อมในการรับมือโควิด-19 ในช่วงสองปีที่ผ่านมา โดยกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กองทุนส่งเสริม ววน.) ภายใต้การกำกับของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ได้จัดสรรงบระมาณสนับสนุนในภาพรวม 3 พันกว่าล้านบาท
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

ตัวอย่างผลงาน มีดังนี้
 
1. เครื่องช่วยหายใจอัตราไหลสูง (High Flow Nasal Cannula - HFNC ) มีต้นทุนการผลิตเครื่องละประมาณ 50,000 บาท ในขณะที่หากนำเข้า ราคาเครื่องละ 200,000 - 250,000 บาท จึงทำให้ประเทศลดการนำเข้าได้สูงถึง 150,000 บาท ต่อ 1 เครื่อง ปัจจุบัน มีการส่งมอบให้โรงพยาบาลทั่วประเทศกว่า 500 เครื่อง ช่วยลดการนำเข้าและลดค่าใช้จ่ายของภาครัฐกว่า 75 ล้านบาท เป็นผลงานวิจัยโดยโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ สภากาชาดไทย (โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย หรือ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์) และบริษัทอินทรอนิกส์ จำกัด
 
2. ชุดตรวจโควิดด้วยวิธีแลมป์เปลี่ยนสี (RT-LAMP) นำไปติดตั้งใช้งานที่ด่านคัดกรองโรคที่สนามบินและโรงพยาบาลต่าง ๆ ซึ่งการตรวจคัดกรองแบบเร็วนี้ ให้ผลภายใน 1 ชั่งโมง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการคัดกรองโรคให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นนำไปสู่การควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดต่อไป มีการส่งมอบให้หน่วยงานภาครัฐและจัดจำหน่ายไปแล้วกว่า 260,000 ชุด มูลค่าประมาณ 65 ล้านบาท เป็นผลงานวิจัยโดย บริษัท Startup “Zenostic” มหาวิทยาลัยมหิดล
 
3. ชุดตรวจ “COVITECT-1” ด้วย Real-Time RT PCR ผ่านมาตรฐานสากล มีการส่งมอบชุดตรวจให้ภาครัฐมากกว่า 500,000 ชุด และส่งมอบให้กับประเทศสมาชิกในอาเซียนจำนวน 80,000 ชุด รวมถึงได้มีการจำหน่ายให้ห้องปฏิบัติการและโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน ลดการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศโดยในปี พ.ศ. 2564 มียอดขาย ประมาณ 190 ล้านบาท ผลงานวิจัยโดยความร่วมมือระหว่างกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และบริษัทสยามไบโอไซน์ จำกัด 

4.หลอดเก็บเลือดอินโนเมด ปัจจุบันหลอดเก็บเลือดเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีปริมาณการใช้งานสูง ผลิตภัณฑ์นี้พัฒนาขึ้นเพื่อทดแทนการนำเข้าและสามารถส่งออกต่อไปได้ โดยถูกออกแบบการใช้งานทดแทนการใช้หลอดเก็บเลือดจาก 2 หลอด เหมาะกับผู้ป่วยเรื้อรังที่ต้องเจาะเลือดบ่อยๆ และผู้ป่วยโรคติดเชื้อ ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ดังกล่าวผ่านการรับรองที่ได้มาตรฐานอย่าง ISO 13485 แล้ว  หากมีการใช้ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ผลิตขึ้นเองนี้จะช่วยลดการนำเข้าหลอดเก็บเลือดในแต่ละปี คิดเป็นเงินมูลค่ากว่า 2,700 ล้านบาท ผลงานวิจัยโดย ผศ.ดร.วันวิสาข์ ตรีบุพลชาติสกุล มหาวิทยาลัยนเรศวร และบริษัท วี เมด แล็บ เซ็นเตอร์ จำกัด
 
“ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นับตั้งแต่ ปี 2562  เป็นต้นมา ส่งผลให้ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อทั่วโลก 500 กว่าล้านคน สำหรับประเทศไทย ในช่วงต้นเกิดการขาดแคลนเครื่องมือแพทย์ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบ อุปกรณ์ วัสดุทางการแพทย์ที่ไม่สามารถนำเข้าหรือผลิตเองได้ทันตามความต้องการ นายกรัฐมนตรีจึงได้หารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาปรับแผนบริหารจัดการ เพื่อนำไปสู่การสนับสนุนการพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์สำหรับการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ การวินิจฉัยและการดูแลรักษา เพื่อยกระดับประเทศไทยให้มีความพร้อมในการรับมือโควิด-19 และกว่า 2 ปีที่ผ่านมาของการทำงานอย่างทุ่มเทของนักวิจัยไทย ได้สร้างนวัตกรรมด้านการแพทย์มากมาย เป็นเครื่องยืนยันของความสามารถคนไทย และความพร้อมต่อการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ในภูมิภาค” นางสาวรัชดา กล่าว 

Adblock test (Why?)


นายกฯ ชื่นชมนักวิจัยไทยเจ๋ง พัฒนาอุปกรณ์การแพทย์รับมือโควิด-19 ลดนำเข้า - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

อนามัยโลกชี้การระบาดฝีดาษลิง 'ยังไม่ฉุกเฉิน' แต่ต้องจับตาห้ามกะพริบ! | เดลินิวส์ - เดลินิวส์ออนไลน์

This website uses cookies to improve your experience while you navigate through the website. Out of these, the cookies that are categorized as necessary are stored on your browser as they are essential for the working of basic functionalities of the website. We also use third-party cookies that help us analyze and understand how you use this website. These cookies will be stored in your browser only with your consent. You also have the option to opt-out of these cookies. But opting out of some of these cookies may affect your browsing experience.

Adblock test (Why?)


อนามัยโลกชี้การระบาดฝีดาษลิง 'ยังไม่ฉุกเฉิน' แต่ต้องจับตาห้ามกะพริบ! | เดลินิวส์ - เดลินิวส์ออนไลน์
Read More

Saturday, June 25, 2022

สวพ. FM 91 สถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัยและการจราจร - สวพ. FM 91 สถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัยและการจราจร

26 มิ.ย. 2565 | 05:05:37

ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกจำนวน 548,571,563 ราย รักษาอาการดีขึ้น 523,408,551 ราย เเละเสียชีวิตสะสม 6,350,008 ราย 

1. ประเทศ สหรัฐอเมริกา ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 88,721,612 ราย เสียชีวิต 1,040,663 คน (เพิ่มขึ้น 22 คน) 
2. ประเทศ อินเดีย ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 43,391,331 ราย เสียชีวิต 524,974 คน (เพิ่ม ขึ้น 20 คน) 
3. ประเทศ บราซิล ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 32,061,959 ราย เสียชีวิต 670,369 คน (เพิ่มขึ้น 411 คน) 
4. ประเทศ ฝรั่งเศส ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 30,513,713 ราย เสียชีวิต 149,317 คน (ตัวเลขยังไม่อัปเดต) 
5. ประเทศ เยอรมนี ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 27,771,111 ราย เสียชีวิต 140,734 คน (เพิ่มขึ้น 84 คน) 

ประเทศไทยอยู่อันดับ 26 ของโลก ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 4,511,777 ราย (เพิ่มขึ้น 2,236 ราย) เสียชีวิต 30,578 คน (เพิ่มขึ้น 16 คน) 


Share this:

Adblock test (Why?)


สวพ. FM 91 สถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัยและการจราจร - สวพ. FM 91 สถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัยและการจราจร
Read More

ทำความรู้จักโปรตีนจากพืช ทางเลือกใหม่ที่ดีกว่า ได้โปรตีนบริสุทธิ์ปลอดภัย 100% - Bright Today

ทำไมต้อง โปรตีนจากพืช ? เพราะโปรตีนจากพืช เป็นโปรตีนที่บริสุทธิ์ ปลอดภัย 100% เป็นไขมันที่ดีแถมให้พลังงาน และปราศจากคอเลสเตอรอล

โปรตีนจากพืช พบได้ในถั่วและธัญพืชต่างๆ อุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ถือเป็นโปรตีนสะอาดไม่ก่อให้เกิดโรค นอกจากนี้โปรตีนจากพืชยังย่อยง่ายดูดซึมง่าย แคลอรี่น้อยกว่าโปรตีนสัตว์ ไขมันดีมีมากกว่าโปรตีนสัตว์ ไม่มีโคเลสเตอรอล

ข้อดีของโปรตีนจากพืช

จากผลวิจัยของ World Cancer Research Fund การไม่บริโภคเนื้อสัตว์ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ ดังนั้นการรับประทานโปรตีนจากพืชจึงช่วยลดความเสี่ยงโรคอันตรายต่างๆ เหล่านี้ และอย่าลืมออกกำลังกายเป็นประจำ และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง นอกจากนี้ยังมียังมีผลดีต่อร่างกายในด้านอื่นๆ ได้แก่

– โปรตีนสูง มีคอเรสเตอรอลและไขมันต่ำกว่าโปรตีนจากสัตว์ รวมถึงยังมีแคลอรีต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก

– ใยอาหารสูง และช่วยเพิ่มจำนวนแบคทีเรียดีในลำไส้ จึงช่วยปรับสมดุลของระบบขับถ่ายได้ดี

– มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคหลอดเลือด โรคหัวใจ โรคเบาหวาน

– โปรตีนพืชจากถั่วเหลือง มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายครบถ้วน ซึ่งกรดอะมิโนมีความจำเป็นในการสร้างโปรตีน ร่างกายเราไม่สามารถสร้างกรดอะมิโนจำเป็นได้เอง จำเป็นต้องได้รับจากการรับประทานอาหารเท่านั้น

โปรตีนจากพืชมีอะไรบ้าง มาดูกัน!

1. ควีนัว : มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก และมีโปรตีนสูงถึง 8 กรัม ต่อ ควีนัวสุก 1 ถ้วยตวง มีเส้นใยและแร่ธาตุต่างๆ มากมาย ส่วนใหญ่คนนิยมรับประทานควีนัวแทนข้าว

2. เมล็ดเจีย : อุดมไปด้วยโปรตีน กรดอะมิโนจำเป็น และสารต้านอนุมูลอิสระ โดยมักจะถูกนำไปแช่น้ำเพื่อให้ย่อยง่ายขึ้น

3. ข้าวโอ๊ต : เป็นแหล่งพลังงาน อุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร เหมาะสำหรับการนำมาทำเป็นเมนูมื้อเช้าสำหรับสายเฮลตี้ สายคลีน หรือคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก

4. ถั่วเหลือง : เป็นพืชที่มีโปรตีนสูงและมีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มคนทานมังสวิรัติ หรือคนที่แพ้นมวัว

Benefit Plant-Based Protein ที่ได้รับความนิยม

เพื่อตอบโจทย์เทรนด์ Plant-based protein และเทรนด์การดูแลสุขภาพของผู้หญิงและสายออกกำลังกายที่ต้องการเครื่องดื่มโปรตีนเพื่อเพิ่มปริมาณโปรตีนในแต่ละวัน Benefit ทุกรสชาติเป็นโปรตีนจากพืช 100% ไม่มีส่วนผสมของนมและไขมัน น้ำตาล 0% คนที่ทานเจ ทานมังสวิรัติหรือผู้ที่แพ้นมวัวสามารถเลือกทานได

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ

Adblock test (Why?)


ทำความรู้จักโปรตีนจากพืช ทางเลือกใหม่ที่ดีกว่า ได้โปรตีนบริสุทธิ์ปลอดภัย 100% - Bright Today
Read More

หวั่นกรณีฉุกเฉิน ไทยเตรียมพร้อมหาวัคซีนฝีดาษลิง | TNN ข่าวเย็น | 25-06-22 - TNN Online

Adblock test (Why?)


หวั่นกรณีฉุกเฉิน ไทยเตรียมพร้อมหาวัคซีนฝีดาษลิง | TNN ข่าวเย็น | 25-06-22 - TNN Online
Read More

ไขสงสัยไม่สูบบุหรี่ ก็เป็น 'มะเร็งปอด'ได้! - เดลินิวส์ออนไลน์

หากพูดถึง “โรคมะเร็ง” แล้ว คงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะเป็นอีกหนึ่งโรคฮิตที่คร่าชีวิตของคนไทย แต่เคยทราบกับบ้างหรือไม่ว่า… “มะเร็ง” 3 อันดับแรก คือ มะเร็งปอด, มะเร็งเต้านมในผู้หญิง และมะเร็งลำไส้ และที่สำคัญคือ..แม้จะไม่ได้เป็นคนที่สูบบุหรี่ ก็สามารถเป็นมะเร็งปอดได้! วันนี้ “Healthy Clean” มีข้อมูลมาฝากกัน

โดย นพ.ศิระ เลาหทัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หน่วยศัลยศาสตร์ทรวงอกและหัวใจภาควิชาศัลยศาสตร์ โรงพยาบาลวชิรพยาบาล ได้ให้ความเห็นเอาไว้ว่า ปัจจุบันถึงแม้ว่าเราจะมีวิธีการตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งได้เร็วและแม่นยำ แต่มะเร็งปอดก็คงยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของโลก อาการของมะเร็งปอด ส่วนมากมักไม่มีอาการ แต่อาจเริ่มต้นจากอาการไอ เจ็บหน้าอก หอบเหนื่อย บุคคลที่มีความเสี่ยงควรตรวจสุขภาพตัวเองบ่อย ๆ คือผู้ที่สูบบุหรี่ ซึ่ง “บุหรี่” เป็นปัจจัยหลักของการเกิดโรคมะเร็งปอดและโรคถุงลมโป่งพอง 

แต่อย่างไรก็ตาม “การสูบบุหรี่แม้เป็นปัจจัยเสี่ยงหลักที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งปอด แต่ไม่ใช่ปัจจัยเสี่ยงเพียงอย่างเดียว” แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัดว่าทำไม? ผู้ป่วยที่ไม่เคยสูบบุหรี่ ถึงสามารถเป็นมะเร็งปอดได้ แต่จากการศึกษาจากงานวิจัยหลาย ๆ ฉบับ ที่เกี่ยวข้องพบว่าสาเหตุอื่น ๆ ที่อาจทำให้เกิดความเสี่ยงมะเร็งปอดได้แก่  

  1. สารเรดอน เป็นสารกัมมันตรังสีที่มีอยู่ทั่วไปทุกหนแห่ง ไม่มีรส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และไม่สามารถรับรู้ได้ด้วยประสาท สัมผัสใด ๆ ของมนุษย์ เป็นสารที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งปอดในมนุษย์ได้เป็นอันดับที่สอง รองจากบุหรี่  
  2. แร่ใยหิน หรือ แอสเบสตอส เป็นสารก่อมะเร็งที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งโทษและพิษภัยของแร่ใยหินนั้น ก่อให้เกิดโรคมะเร็งปอด ไต และโรคมะเร็งที่มีชื่อว่า Mesothelioma ซึ่งสามารถพบผลิตภัณฑ์ที่คนไทยใช้อยู่บ่อย ๆ ก็คือ กระเบื้องมุงหลังคาแบบลูกฟูก, ท่อระบายน้ำ, กระเบื้องปูพื้น, ฝ้าเพดาน, ฝาผนัง, ฉนวนกันความร้อน, ท่อน้ำร้อน, หม้อไอน้ำ, พลาสติกขึ้นรูปต่าง ๆ 
  3. สารเคมีหนัก  
  4. การสูดดมควันบุหรี่จากคนใกล้ตัว (Second Hand Smoker)
  5. พันธุกรรมที่ผิดปกติ

“มีรายงานการศึกษาพบว่าผู้ป่วยมะเร็งปอดในทวีปเอเชียราว 30-40% เป็นผู้ที่ไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อน” โดยมากกว่า 50% ของเพศหญิงนั้นไม่เคยสูบบุหรี่  ซึ่งจะแตกต่างจากประเทศในฝั่งทวีปยุโรป ซึ่งมีเพียงแค่ 10-20% เท่านั้นที่ไม่เคยสูบบหรี่ แต่กลับป่วยเป็นมะเร็งปอด  สำหรับมะเร็งปอดไม่ได้พบมากแต่ในผู้ชายเท่านั้น เห็นได้จากสถิติในปี 2018 จากการสำรวจของ World Cancer Research Fund International ทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดรายใหม่เพิ่มถึง 2 ล้านคน และยังพบ “ผู้หญิงป่วยเป็นโรคมะเร็งปอดมากติดอันดับ 1 ใน 3 ของโรคมะเร็งทั้งหมด”

โดยลักษณะของผู้ป่วยที่สูบบุหรี่กับไม่สูบบุหรี่นั้น ผู้ป่วยที่ไม่สูบบุหรี่นั้นส่วนมากมักจะพบมะเร็งชนิดที่เรียกว่า Adenocarcinoma ส่วนผู้ป่วยที่สูบบุหรี่ มักจะพบเป็น Squamous Cell Carcinoma ซึ่งมักจะพบในหลอดลมขนาดกลาง โดยมักอยู่ตรงกลางกลีบปอด มะเร็งประเภทนี้เกิดจากการกระตุ้นการอักเสบทำให้เกิดความเสี่ยงที่อาจส่งเสริมให้เป็นมะเร็ง แต่มะเร็งประเภท Adenocarcinoma มักจะอยู่ริมปอด นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ป่วยมะเร็งปอดที่ไม่เคยสูบบุหรี่มักจะพบความผิดปกติของยีนร่วมด้วย ได้แก่ EGFR (epidermal growth factor), anaplastic lymphoma kinase (ALK), ROS1 และ MET

สำหรับการรักษามะเร็งปอดของผู้ป่วยสูบบุหรี่ และไม่สูบบุหรี่ค่อนข้างคล้ายกัน ได้แก่ การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด และการฉายแสง สำหรับการผ่าตัดนั้นมีบทบาทหลักในกลุ่มที่เป็นมะเร็งปอดระยะเริ่มต้น (ระยะที่ 1 และ 2) โดยปัจจุบันการผ่าตัดปอดไม่ต้องกลัวอีกต่อไป เราสามารถผ่าตัดผ่านทางการส่องกล้องโดยเทคนิคที่เรียกว่า “Vats” ซึ่งการผ่าตัดจะมีแผลขนาดเล็ก 3-4 ซม. ช่องเดียว ส่งผลทำให้ผู้ป่วยเจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว และสามารถกลับมาดำรงชีวิตปกติได้อย่างรวดเร็ว ส่วนในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะที่ 3 และ 4 การให้ยาเคมีบำบัด ยาพุ่งเป้า (Target therapy) และการฉายแสง เข้ามามีบทบาทเป็นหลัก

A selective closeup shot of a female lighting up a cigarette with a lighter

นอกจากนี้ ทางด้าน ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ได้เผยถึงแนวทางการณรงค์เพื่อลดโอกาสการเกิดมะเร็งจากการสูบบุหรี่ หรือได้รับควันบุหรี่มือสอง ด้วยการร่วมรณรงค์ 10 ข้อดังต่อไปนี้

  1. ฉันจะป้องกันไม่ให้ลูกหลานในบ้านติดบุหรี่ โดยเป็นแบบอย่างที่ไม่สูบบุหรี่
  2. ถ้าฉันไม่สูบบุหรี่ ฉันจะหลีกเลี่ยงการได้รับควันบุหรี่มือสอง
  3. ฉันจะทำให้สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว บ้าน ที่ทำงาน ชุมชนปลอดควันบุหรี่
  4. ฉันจะสนับสนุนกฎหมายที่ให้พื้นที่สาธารณะเป็นเขตปลอดบุหรี่
  5. ฉันจะเผยแพร่ความรู้อันตรายของการสูบบุหรี่ และการได้รับควันบุหรี่มือสองเมื่อมีโอกาส
  6. ฉันจะร่วมรณรงค์เพื่อให้ร้านค้าปลีกไม่ขายบุหรี่แก่เด็กที่อายุไม่ถึง 20 ปี  และไม่แบ่งซองขาย
  7. ฉันจะเชิญชวน ให้กำลังใจ และสนับสนุนคนในบ้าน และคนใกล้ชิดในการเลิกสูบบุหรี่
  8. ถ้าฉันสูบบุหรี่ ฉันจะเลิกสูบให้ได้ โดยจะไม่เพียงแต่คิดที่จะเลิก แต่จะลงมือเลิก
  9. ถ้าฉันเลิกสูบด้วยตัวเองไม่ได้ ฉันจะเข้ารับการรักษาการเลิกสูบบุหรี่ หรือโทรฯ ไปที่ 1600 สายด่วนเลิกบุหรี่
  10. ถ้าฉันยังเลิกสูบบุหรี่ไม่ได้ ฉันจะไม่สูบในบ้าน ในรถส่วนตัว ไม่สูบใกล้คนอื่น ไม่สูบในที่สาธารณะ

ถึงแม้ว่า “มะเร็งปอด” นั้นอาจเกิดได้กับทุกคน แต่การป้องกันก็ย่อมดีกว่าการรักษา ฉะนั้นคนที่คิดจะสูบบุหรี่ก็ขอให้นึกถึงผลเสียที่จะตามมา และควรหลีกเลี่ยงสารเคมี หรือความเสี่ยงที่จะทำให้เกิด “มะเร็ง” เพราะการไม่เกิดความเจ็บป่วย ย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว..

………………………………………….
คอลัมน์ : Healthy Clean
โดย “พรรณรวี พิศาภาคย์”

Adblock test (Why?)


ไขสงสัยไม่สูบบุหรี่ ก็เป็น 'มะเร็งปอด'ได้! - เดลินิวส์ออนไลน์
Read More

จส. 100 - จส. 100


          สำนักข่าวอิศรา รายงานถึง สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ณ เวลานี้ แม้ว่าจะมีการพูดถึงคำว่าโรคประจำถิ่น มีการยกเลิกมาตรการให้สวมใส่หน้ากากในที่สาธารณะ และการออกคำสั่งให้ยกเลิก ศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด - 19 ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑลไปแล้ว แต่อีกด้านก็น่าเป็นกังวล เมื่อมีการพบการระบาดของผู้ติดเชื้อโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 มากขึ้น  รวมทั้งยังมีศักกยภาพในการหลบภูมิสูงทำให้ติดเชื้อซ้ำได้ง่ายขึ้น และมีศักยภาพในการแพร่เชื้อสูงด้วย ทำให้การติดเชื้อซ้ำอาจจะเลวร้ายยิ่งกว่าครั้งแรกก็เป็นได้


          พ.ญ.ดีปติ กูร์ดาราซานี จากมหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยควีนแมรีออฟลอนดอน ได้ให้ความเห็นผ่านทวิตเตอร์ว่า เริ่มเป็นชัดเจนมากขึ้นว่า แนวคิดว่าการติดเชื้อซ้ำแล้วจะมีอาการไม่รุนแรง อาจจะไม่จริงเสมอไป การติดเชื้อซ้ำนั้นสามารถทำให้เกิดการเจ็บป่วยและเสียชีวิตอย่างมีนัยยะสำคัญ ดังนั้นการหลีกเลี่ยงการติดเชื้อซ้ำจึงเป็นเรื่องสำคัญ”


          ก่อนหน้านี้ มีผลวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยวอชิงตัน รายงานว่าพบว่ากลุ่มผู้ที่ติดโควิดเป็นครั้งที่สองซึ่งเป็นคนหนุ่มสาวนั้นมีอาการป่วยที่รุนแรงมากขึ้นด้วยเช่นกัน  และยังพบว่าผู้ที่ติดเชื้อซ้ำในระยะเวลา 8 วัน พบว่า มีโอกาสจะต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มมากขึ้นถึง 12 เท่า และมีโอกาสต้องเข้ารับการรักษาในห้องดูแลพิเศษหรือว่าไอซียูเพิ่มขึ้น 2 เท่า


          ในรายงานยังได้ระบุอีกว่า การติดเชื้อซ้ำนั้น จะทำให้เกิดอาการผิดปกติของอวัยวะดังต่อไปนี้ คือ โอกาสที่จะเกิดความผิดปกติต่อปอดนั้นอยู่ที่ 5 เปอร์เซ็นต์,ความผิดปกติของเลือดโดยอยู่ที่ 2.6 เปอร์เซ็นต์, ความเมื่อยล้าอยู่ที่3.3 เปอร์เซ็นต์, อาการผิดปกติที่ไตอยู่ที่ 1.4 เปอร์เซ็นต์, ปัญหาสุขภาพจิตอยู่ที่ 12.1 เปอร์เซ็นต์, ปัญหาโรคเบาหวานโดยอยู่ที่ 2.2 เปอร์เซ็นต์ และความผิดปกติทางระบบประสาทอยู่ที่ 3.6 เปอร์เซ็นต์


          ส่วนที่ออสเตรเลีย ซึ่งที่น่ากังวล คือ เมื่อมีการลดการสวมใส่หน้ากากอนามัยแล้ว ประกอบกับการที่ภูมิคุ้มกันที่มาจากการติดเชื้อในช่วงเดือน ม.ค.เริ่มจะลดลง มีความเป็นไปได้ว่าจะมีตัวเลขการติดเชื้อและเสียชีวิตพุ่งขึ้นมาอีก ทำการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจึงมีความจำเป็น ทำให้รัฐบาลออสเตรเลียลงทุนโฆษณาประชาสัมพันธ์คิดเป็นมูลค่า 11 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (269,817,927 บาท) รณรงค์ให้ประชาชนไปฉีดวัคซีนบูสเตอร์โพส เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแพร่เชื้อหรือว่าการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก


 


 


#ติดเชื้อซ้ำ


#โควิด19


CR:สำนักข่าวอิศรา 


#แฟ้มภาพ

Adblock test (Why?)


จส. 100 - จส. 100
Read More

Friday, June 24, 2022

หนักเกินไป! ผู้ปกครองช็อก นร.เครียดการบ้าน 30 ชิ้นต่อสัปดาห์ เป็นลมหัวฟาดพื้น-สมองบวม - ข่าวสด

หนักเกินไป! ผู้ปกครองช็อก นร.เครียดการบ้าน 30 ชิ้นต่อสัปดาห์ เป็นลมหัวฟาดพื้น-สมองบวม

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

วันที่ 24 มิ.ย.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีผู้ปกครองรายหนึ่ง โพสต์ภาพเด็กนักเรียนนอนอยู่ที่พื้น โดยมีคราบอาเจียนเปื้อนที่เสื้อผ้า ซึ่งอยู่ในชุดนักเรียน หลังเป็นลมหัวฟาดพื้น โดยระบุข้อความว่า เครียดมาก งานส่ง 30 ชิ้นต่อสัปดาห์ก่อนสอบมิดเทอม ทำเสร็จไป 12 ชิ้น นอนดึกมาสองเดือนแล้ววันละไม่ถึง 5 ชั่วโมง ครูสั่งงานอย่างบ้าคลั่งไม่ประสานกันแถมให้โกหกพ่อแม่ว่าไปค้างเพื่อนแท้จริงบรรดาครูเป็นผู้จัดเตรียมเพื่อตอบนองนโยบายผู้บริหารคนใหม่ใจสู้

สั่งให้ไปถึงจังหวัดชลบุรีกันเอง ไม่ออกใบขออนุญาตจากโรงเรียนอ้างว่าเด็กขอไปกันเองไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งที่กำลังจะสอบมิดเทอม ปัดความรับผิดชอบกันมั่วไปหมด จนเช้านี้เป็นลมล้มหัวฟาดพื้น เพราะนอนน้อยมาตลอด หมอบอกสมองบวมครับ ใครจะรับผิดชอบ???? การบ้านคือสิ่งที่ครูสอนไม่ได้และสอนไม่ทันเลยปัดมาให้ผู้ปกครองกับเด็กช่วยกันทำแล้วเก็บเทอมละ 60,000 บาท ไปเพื่ออะไร แล้วใครจะรับผิดชอบที่ล้มหัวฟาดพื้น โรงเรียนไม่มีใครโทรมาถามไถ่สักคนบ้าน

ขณะเดียวกัน “ทนายเจมส์” ทนายความคนดังก็ได้แชร์โพสต์ดังกล่าว พร้อมระบุข้อความว่า “ยังไม่ยืนยันข้อเท็จจริงนะครับ ผู้ปกครองตั้งข้อสงสัยในระบบการเรียน การสอน และการบ้าน หนักเกินไปหรือไม่
วันนี้ น้องวูบ และอ้วก ครับ น่าจะเกิดจากการพักผ่อนน้อยสืบเนื่องมากจากต้องทำการบ้านเยอะหรือไม่ รอแพทย์วินิจฉัยอีกครั้ง สุดท้าย รอทางโรงเรียนมาชี้แจงข้อเท็จจริงอีกทีครับ ขอให้น้องหายเร็วๆ ครับ”

Adblock test (Why?)


หนักเกินไป! ผู้ปกครองช็อก นร.เครียดการบ้าน 30 ชิ้นต่อสัปดาห์ เป็นลมหัวฟาดพื้น-สมองบวม - ข่าวสด
Read More

ศาตราจารย์ญี่ปุ่นแนะนำ! 3 สิ่งที่ควรทำหลังตื่นนอนเพื่อแก้ปัญหาการนอนหลับ - Anngle

เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยมีปัญหาเรื่องการนอนหลับ ทั้งอาการหลับยาก หรือเหนื่อยมากแต่ก็นอนไม่หลับ ศาสตราจารย์โคบายาชิ ฮิโรยูกิ ศาสตราจารย์แห่งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยจุนเทนโด ชี้ว่าสาเหตุของปัญหาเหล่านี้คือความไม่สมดุลของระบบประสาทอัตโนมัติ ดังนั้น เราจะมาแนะนำ 3 สิ่งที่ควรทำเพื่อให้ระบบประสาทอัตโนมัติของเราทำงานได้ดียิ่งขึ้นกันค่ะ!

*ข้อความบางส่วนมาจากงานวิจัยของศาสตราจารย์ฮิโรยูกิ โคบายาชิ*

“เหนื่อยแต่นอนไม่หลับ” คือสัญญาณอันตราย

เล่นโทรศัพท์ตอนกลางคืน

เมื่อเข้าสู่วัย 50 ปีขึ้นไป ผู้คนมักเริ่มมีปัญหาเรื่องการนอน นอนน้อยบ้าง นอนไม่ค่อยหลับบ้าง หลับไม่สบายบ้าง หรือการลุกไปเข้าห้องน้ำในตอนกลางคืน ก็เป็นการบ่งบอกว่ากำลังมีปัญหาการนอนเช่นกัน การนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพนี้เป็นอาการที่เกิดจากระบบประสาทอัตโนมัติทำงานได้ไม่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “เหนื่อยแต่นอนไม่หลับ” ถือเป็นสัญญาณอันตรายทางร่างกายและจิตใจ

บางคนรู้สึกว่านอนแล้วแต่ก็ยังไม่หายเหนื่อย บางคนมัวแต่กังวลถึงสิ่งที่ต้องทำในวันถัดไปจนนอนไม่หลับ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความเครียดทางจิตใจจนทำให้เกิดความเหนื่อยล้า ทำให้มีความผิดปกติในการนอนหลับ เกือบ 100% อาจกล่าวได้ว่าสาเหตุมาจากการที่ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานรวนอันเนื่องมาจากความเครียด

ผู้คนส่วนมากหากรู้สึกเหนื่อยก็จะอยากนอนนาน ๆ แต่ยิ่งนอนนานก็ไม่ได้หมายความว่าจะนอนหลับได้ดี การนอนเป็นเวลานานอาจทำให้ระบบประสาทอัตโนมัติเสียสมดุลและทำให้คุณภาพการนอนแย่ลงได้ด้วย มีการสำรวจครั้งใหญ่เรื่องเวลานอนและสุขภาพในสหรัฐอเมริกาซึ่งมีประชากรประมาณ 1.1 ล้านคน ผลออกมาคือ เวลานอนที่มีอัตราการเสียชีวิตต่ำสุดคือ 6.5-7.4 ชั่วโมง อีกทั้งยังมีมีการสำรวจที่คล้ายกันนี้ในญี่ปุ่นจากชาวญี่ปุ่นประมาณ 110,000 คน พบว่าการนอนประมาณ 7 ชั่วโมงดีที่สุด นั่นหมายความว่าเวลานอนหลับที่ดีต่อสุขภาพคือประมาณ 7 ชั่วโมง แต่นี่เป็นเพียงค่าเฉลี่ยในแบบสำรวจ ซึ่งเวลานอนที่เหมาะสมก็มีความแตกต่างกันในแต่ละบุคคล และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความรู้สึกว่าได้ “หลับสนิท”

เปลี่ยนการใช้ชีวิตในช่วงเช้า

นอนหลับ

เมื่อเรารู้แล้วว่าปัญหาการนอนเกิดจากการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติ หากเราแก้ไขการทำงานของระบบประสาทได้ ก็จะสามารถนอนหลับได้ดียิ่งขึ้น งั้นเรามาลองทบทวนช่วงเช้าตัวเองกันก่อน ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดสำหรับระบบประสาทอัตโนมัติคือตอนเช้า หากเราเปลี่ยนวิธีการใช้เวลาในช่วงเช้า ระบบประสาทอัตโนมัติจะทำงานได้ดีขึ้นไปด้วย

ขณะที่เรานอนหลับ ระบบประสาทพาราซิมพาเทติกจะทำหน้าที่หลัก แต่เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น ระบบประสาทซิมพาเทติกจะค่อย ๆ เปลี่ยนมาเป็นมาทำหน้าที่หลักแทน หากเราตื่นขึ้นมาและใช้เวลาในช่วงเช้าอย่างเร่งรีบ จะกลายเป็นว่าเราไปกระตุ้นระบบซิมพาเทติกเร็วเกินไป ทำให้สลับการทำงานได้ไม่ดี ระบบประสาทอัตโนมัติจะเสียสมดุลตลอดทั้งวัน ทำให้เหนื่อยง่าย ขาดแรงจูงใจ ขาดสมาธิ และหงุดหงิดง่าย แต่หากเราใช้เวลาในช่วงเช้าอย่างช้า ๆ เพื่อให้ระบบประสาทค่อย ๆ สลับการทำงาน วันนั้นเราจะรู้สึกสดชื่น ราบรื่น สามารถใช้เวลาทั้งวันในสภาพร่างกายและจิตใจที่ดี

3 สิ่งที่ควรทำหลังตื่นนอน

ดังที่กล่าวไป หากเราใช้เวลาในช่วงเช้ากับการรีบเร่งออกจากบ้าน ร่างกายจะเพลียตลอดทั้งวัน ควรตื่นเร็วขึ้นหนึ่งชั่วโมงหรืออย่างช้าที่สุด 30 นาที และใช้เวลาให้มากขึ้นในช่วงเช้า หากเราสามารถใช้เวลาในช่วงเช้าอย่างช้า ๆ ระบบประสาทอัตโนมัติก็จะสลับการทำงานได้อย่างราบรื่น โดยมีสิ่งที่แนะนำคือ

1. ลุกขึ้นจากที่นอนช้า ๆ

ตื่นนอน

แม้ว่าจะลืมตาแล้วแต่ร่างกายก็ยังหลับอยู่ครึ่งหนึ่ง หากลุกขึ้นมาทันที มันจะกระตุ้นระบบซิมพาเทติกเร็วเกินไป ดังนั้นจึงแนะนำให้ลองยืดเหยียดแบบง่าย ๆ หรือพยายามออกกำลังกายง่าย ๆ เบา ๆ ในท่านอนสักหนึ่งหรือสองนาทีก่อนจะลุกขึ้น การทำแบบนี้จะเป็นการปรับการหายใจอย่างเป็นธรรมชาติ และระบบประสาทอัตโนมัติจะค่อย ๆ เปลี่ยนจากโหมดหลับเป็นโหมดตื่น

2. อาบแสงแดดยามเช้า

ตื่นนอน

เปิดประตูออกไปนอกบ้านแล้วอาบแสงแดดยามเช้า มองทิวทัศน์ภายนอกและสูดหายใจเข้าลึก ๆ ช้า ๆ เพื่อส่งอากาศบริสุทธิ์ไปยังเซลล์ทั่วร่างกาย การทำแบบนี้ช่วยทำให้สมองหลั่งเซโรโทนิน ซึ่งเป็น “ฮอร์โมนแห่งความสุข” ช่วยเพิ่มความรู้สึกมีความสุขและกระตุ้นให้พร้อมสำหรับชีวิตในวันนี้ ช่วยเพิ่มความต้านทานต่อความเครียด ทั้งยังมีผลในการปรับสมดุลของระบบประสาทอัตโนมัติ

ยิ่งไปกว่านั้น หากเซโรโทนินหลั่งออกมาได้ดีในตอนเช้าและยิ่งได้ใช้เวลาทั้งวันไปกับความรู้สึกที่มีความสุข เมลาโทนินหรือที่เรียกว่า “ฮอร์โมนการนอนหลับ” ก็จะหลั่งออกมาในปริมาณมากและช่วยให้นอนหลับสนิทได้ในตอนกลางคืน นอกจากนี้การดื่มน้ำ 1 แก้วรวดเดียวจนหมดในตอนเช้ายังช่วยสามารถกระตุ้นลำไส้ได้อีกด้วย

3. ฟังดนตรี

แนะนำให้เปิดเพลงฟังไปด้วยในระหว่างที่เตรียมตัวออกจากบ้าน ดนตรีช่วยให้ช่วงเวลาตอนเช้ามีความพิเศษ แต่จะแนะนำเป็นพลงที่เราไม่รู้ความหมายของเนื้อร้อง ไม่อย่างนั้นเราจะไปจดจ่อกับมัน เสียงเพลงสามารถเปลี่ยนบรรยากาศตอนเช้าและสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี ทำให้อารมณ์ดี พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับวันใหม่

ผู้เขียนเองก็เป็นคนหนึ่งที่นอนหลับยาก กว่าจะหลับก็ดึกดื่น สงสัยต้องทำตามคำแนะนำของศาสตราจารย์บ้างแล้วล่ะค่ะ เพื่อน ๆ คนไหนที่มีปัญหาเรื่องการนอนเหมือนกัน ลองมาแชร์วิธีแก้ไขของตัวเองกันได้เลยน้าา ^^

สรุปเนื้อหาจาก news.yahoo

Adblock test (Why?)


ศาตราจารย์ญี่ปุ่นแนะนำ! 3 สิ่งที่ควรทำหลังตื่นนอนเพื่อแก้ปัญหาการนอนหลับ - Anngle
Read More

ทำงานหนักจนลืมกินข้าว ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหารจริงหรือไม่? - Hfocus

การกินอาหารไม่ตรงเวลา มีผลต่อโรคกระเพาะจริงไหม? ปรับพฤติกรรมอย่างไรจะช่วยลดอาการป่วย  ด้วยพฤติกรรม การใช้ชีวิตในปัจจุบัน ทำให้บางคนไม่สามา...