Rechercher dans ce blog

Wednesday, September 28, 2022

HIDA รุ่นที่ 2 จัด บรรยาย “การรับมือกับโรคอุบัติใหม่ในอนาคต” และ “วัคซีนที่ควรรู้ในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ” - สยามรัฐ

ในการอบรมหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตนวัตกรรมการจัดการสุขภาพยุคดิจิทัล หรือ HIDA รุ่นที่ 2 ยังให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องของการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม นายสมชาย อัศวเศรณี ประธานโครงการหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตนวัตกรรมการจัดการสุขภาพยุคดิจิทัล หรือ HIDA และประธานกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา กล่าวว่า หลักสูตร HIDA  มุ่งเน้นการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับศาสตร์การแพทย์ 5 สาขาที่ใช้มากในประเทศไทย ได้แก่ การแพทย์แผนปัจจุบัน การแพทย์แผนไทยประยุกต์ การแพทย์แผนจีน การแพทย์แบบหลักดุลยภาพบำบัด การแพทย์แบบธรรมชาติ พร้อมภาคปฎิบัติ มานำเสนอ เพื่อให้ผู้เข้าเรียนมีโอกาสเลือกศาสตร์ที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด นำไปใช้ป้องกันโรคแต่ละโรค และเลือกนำมาใช้ในการส่งเสริมสุขภาพกับตนเอง โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากหลายๆแห่งร่วมบรรยายและให้ความรู้

โดยการอบรมในสัปดาห์ที่ 5 แบ่งการบรรยายวิชาการออกเป็น 2 ช่วง ในช่วงแรก ศ.นพ.ธีระวัฒน์​ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวบรรยายในหัวข้อ “ การรับมือกับโรคอุบัติใหม่ในอนาคต” ว่า  เรื่องโรคอุบัติใหม่เริ่มต้นเกิดจากในสัตว์ ยุง ลิ้น เห็บ เป็นพาหะนำโรคจากสัตว์มาสู่คน จะรุนแรงหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันแต่ละคนจะต่อสู้เชื้อโรคได้มากแค่ไหน สงครามที่น่ากลัว เชื้อโรคแพร่ในอากาศ

เมื่อ 15  ปีที่ผ่านมาคนไทยมีสุขภาพที่แข็งแรง แต่ขณะนี้คนไทย มีโรคประจำตัวหนึ่งอย่าง เป็นผลจาก สภาพต้นทุนคนไทยลดลง มีความเสี่ยงในการเกิดโรค เช่น  อ้วน เบาหวาน ไต มะเร็ง วิกฤตมลภาวะ สังคมผู้สูงวัย และ สมองเสื่อมที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

โดยขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุข เฝ้าระวังโรคอุบัติใหม่อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะ โรคสมองอักเสบ ที่ยังไม่รู้ว่าเกิดจากเชื้ออะไร หรือ เกิดจากไวรัสชนิดใด  รวมถึงเฝ้าระวัง โรคมือ เท้า ปาก ที่มักจะเกิดกับเด็กแรกเกิด  หรือ เด็กที่มีอายุมากกว่า 15 ปี  ทั้งนี้ โรคอุบัติใหม่ เป็นเชื้อที่เกิดจากตัวมนุษย์แต่ยังไม่แสดงออกอาการ ต้องวินิจฉัยจากผู้ป่วยที่รักษาในโรงพยาบาล ขณะที่ องค์การอนามัยโลก หรือ WHO มีการระดมความเก่งของแพทย์ทั่วโลกเร่งตรวจหาเชื้อที่เป็นโรคอุบัติใหม่

นอกจากนี้ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวถึง วิธีที่ทำให้ร่างกายแข็งแรง โดยเฉพาะ แสงแดด ที่ให้อะไรมากกว่าวิตามินดี โดยพบว่า แสงแดดมีประโยชน์​ ทำให้สุขภาพแข็งแรง ทำให้ร่างกายติดเชื้อน้อยลง การเดินวันละ 10,000 ก้าว การเดินตากแดดช่วยทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง  รวมถึง การปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร การรับประทานอาหารในปริมาณที่น้อย การทำ IF หรือ ในสัปดาห์ไม่กิน 1วัน กินเฉพาะน้ำอย่างเดียว 

พร้อมกันนี้ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เน้นย้ำ การป้องกันโรคอุบัติใหม่ที่อยู่ในร่างกายแต่ยังไม่แสดงอาการ เราต้องดูแลตัวเองแบบธรรมชาติ การออกไปรับแสงแดด  การอบซาวน่า และการทานอาหารที่มีประโยชน์​  คือ  ลดการกินแป้ง ข้าว ข้าวเหนียว เน้นการกินมังสวิรัติ  ถั่ว  งดน้ำผลไม้ น้ำอัดลม ลดเนื้อสัตว์ โดยมีรายงานล่าสุด พบว่า กินพริกหวาน จะมีประโยชน์ทำให้สมองปลอดโปร่ง เหมือนคนที่ได้รับสารนิโคติน จากบุหรี่ แต่ไปทำลายปอด 

ในช่วงที่ 2 บรรยายโดย ศ.นพ.ธีระพงษ์ ตัณฑวิเชียร รักษาการหัวหน้าคลีนิคอายุศาสตร์ท่องเที่ยวและวัคซีนในผู้ใหญ่ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สถานเสาวภา สภากาชาดไทย กล่าวบรรยายในหัวข้อ “วัคซีนที่ควรรู้ในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ” ว่า ขณะนี้ประเทศไทย กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ ดังนั้น ต้องให้ความสำคัญเรื่องของการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรค ลดอัตราการเจ็บป่วย ลดอัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล  

ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้สูงอายุ เป็นสิ่งสำคัญ ลดอัตราการเสียชีวิต ป้องกันไม่ให้เกิดการเจ็บป่วย เพื่อไม่ให้ประเทศไทยสูญเสียค่าใช้จ่าย ผู้สูงอายุควรฉีดวัคซีนบาดทะยัก คอตีบ ตับอักเสบบี  ไข้หวัดใหญ่  โควิด และ ปอดอักเสบ ซึ่งเป็นวัคซีนสำคัญ หากมีการติดเชื้อทำให้ผู้ป่วยที่เป็นผู้สูงอายุเสียชีวิต

โดยในช่วงโควิดคนไทยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่น้อยลง เพราะผลจากการใส่หน้ากาก ล้างมือ ทิ้งระยะห่าง และต่อไปจะทำให้คนระมัดระวังมากขึ้น สำหรับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ช่วยลดการเกิด stroke ลดอัตราการตายโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย ลดการเจ็บหน้าอก หัวใจวายลดลง เท่ากับการสวนหัวใจ โดยสหรัฐได้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ 70% ในขณะที่ไทยฉีดไปแล้วประมาณ 30% 

ศ.นพ.ธีระพงษ์ กล่าวต่อว่า โควิด19 ได้มีการกลายพันธุ์มา 4 สายพันธุ์ จากอู่ฮั่นมาถึงโอมิครอน ที่ทำให้วัคซีนจำตัวเองไม่ได้ และในเมืองไทยฉีดเข็มแรกได้กว่า70% แต่ตัวเลขบูสเตอร์ ยังไม่ค่อยสูง โดยวัคซีนโควิดเข็มสุดท้ายที่ทุกคนควรฉีดวัดซีนต้องเป็น MRNA คนอเมริกันทุกคนทุกอายุ ต้องฉีดวัคซีน 2 เข็ม เนื่องจาก การฉีดวัคซีน 2 เข็ม ลดอัตราการตาย การฉีดวัคซีน 3 เข็ม ลดอัตราการตาย ลดการนอน รพ. ส่วนผู้สูงอายุต้องฉีดเข็ม 4 เพื่อลดการเจ็บป่วยรุนแรงได้ 4 เท่า และลดการนอน รพ.  ดังนั้น เมื่อโควิดกลายพันธุ์ ต้องเกิดวัคซีนชนิดใหม่

 

พร้อมกันนี้ ศ.นพ.ธีระพงษ์ กล่าวถึง การฉีดวัคซีนโรคงูสวัด ว่า ปัจจุบันคนที่มีอายุมากกว่า 50 ปี มีอัตราเสี่ยงในการติดเชื้อ และผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง โดยผู้สูงอายุ 85 ปี อาจเสียชีวิตได้ และมีโอกาสเป็นstroke ที่มีโอกาสเป็นมากขึ้น3เท่าเทียบกับคนปกติหากเป็นงูสวัด ทั้งนี้ งูสวัด เป็นโรคที่เกิดกับผู้สูงอายุ  ที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอาการเมื่อใด  โดยในแต่ละปีจะมีคนไทยป่วยด้วยโรคงูสวัดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ ผู้สูงอายุที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นทั้งโลก  โดยผู้หญิงมีโอกาสเป็นโรคงูสวัดมากกว่าผู้ชาย  ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ผู้หญิงเป็นโรคงูสวัดมากกว่าผู้ชายถึง 8% คนอเมริกัน ฉีดวัคซีนป้องกันงูสวัดเพิ่มขึ้น โดยควรฉีดในคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยรัฐบาลควรจัดสรรงบประมาณ เพื่อดำเนินการจัดหาวัคซีนกระจายให้ทั่วถึงและเท่าเทียม เพราะเป็นปัจจัยพื้นฐานของมนุษย์

Adblock test (Why?)


HIDA รุ่นที่ 2 จัด บรรยาย “การรับมือกับโรคอุบัติใหม่ในอนาคต” และ “วัคซีนที่ควรรู้ในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ” - สยามรัฐ
Read More

No comments:

Post a Comment

ทำงานหนักจนลืมกินข้าว ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหารจริงหรือไม่? - Hfocus

การกินอาหารไม่ตรงเวลา มีผลต่อโรคกระเพาะจริงไหม? ปรับพฤติกรรมอย่างไรจะช่วยลดอาการป่วย  ด้วยพฤติกรรม การใช้ชีวิตในปัจจุบัน ทำให้บางคนไม่สามา...