Rechercher dans ce blog

Monday, September 26, 2022

ทารกหายใจครืดคราดอันตรายไหม ไขข้อข้องใจ อาการแบบนี้เกิดจากอะไร - Kapook

ทารกหายใจครืดคราดอันตรายไหม ปัญหาที่พ่อแม่หลายคนกังวลใจ ลูกหายใจครืดคราดในคอ สาเหตุเกิดจากอะไร มีวิธีแก้ไหม มาหาคำตอบกัน

ทารกหายใจครืดคราดอันตรายไหม

ในช่วงวัยทารกเป็นเวลาที่พ่อแม่ต้องดูแลและประคบประหงมเขาเป็นอย่างดี เพื่อให้ลูกน้อยเติบโตมาอย่างสมบูรณ์แข็งแรง การเกิดความผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้เป็นกังวลได้ว่าทารกป่วยหรือเปล่า อย่างการที่ลูกหายใจครืดคราดในคอ ก็เป็นอีกอาการที่พ่อแม่เป็นห่วงไม่น้อย กระปุกดอทคอมจึงขอมาไขข้อข้อใจว่าทารกหายใจครืดคราดอันตรายไหม เกิดจากอะไร และพ่อแม่สามารถดูแลรักษาลูกน้อยได้ด้วยวิธีใดบ้าง 

ทารกหายใจครืดคราด เกิดจากอะไร

การที่ทารกหายใจครืดคราด คืออาการที่ลูกน้อยหายใจแล้วมีเสียงบางอย่างแทรกอยู่ด้วย หรือคล้ายมีบางอย่างอุดกั้นหรือติดค้างในลำคอทำให้เขาหายใจได้ไม่สะดวก ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจาก

  • การติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียซึ่งทำให้เนื้อเยื่อในทางเดินหายใจบวม เช่น ไข้หวัด

  • มีทางเดินหายใจที่แคบและตีบตั้งแต่กำเนิด ทำให้หายใจได้ลำบาก

  • กล่องเสียงอ่อนนุ่มเกินไป จนทำให้ตกลงมาบังเส้นเสียง และปิดกั้นทางเดินหายใจของทารกชั่วคราว อาการนี้มักจะดีขึ้นเองเมื่อทารกอายุ 1 ขวบขึ้นไป

  • เกิดอาการบวมในทางเดินหายใจ จนก่อให้เกิดการอุดตันหรืออักเสบ

  • น้ำหนักตัวมากเกินไป

  • เป็นโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด หรือโรคปอด

สัญญาณของทารกหายใจครืดคราด

บางทีพ่อแม่อาจจะไม่ทราบว่าลูกน้อยมีอาการหายใจครืดคราดหรือเปล่า ให้ลองสังเกตอาการเหล่านี้ดูค่ะ เพราะถ้าเริ่มมีอาการดังนี้ แสดงว่าทางเดินหายใจของลูกเริ่มมีปัญหาแล้ว

  • จังหวะการหายใจแปรปรวน ไม่สม่ำเสมอ

  • หายใจเร็ว

  • มีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ประมาณ 2-3 วินาที

  • เวลาลูกหายใจจะมีเสียงคล้ายการกรนเบา ๆ

ทารกหายใจครืดคราดอันตรายไหม

อาการทารกหายใจครืดคราดมีหลายสาเหตุ ซึ่งหากเกิดจากกล่องเสียงอาจไม่มีอันตราย แต่ส่วนใหญ่แล้วมักเกิดจากระบบทางเดินหายใจผิดปกติ จนอาจเกิดอันตรายได้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ก่อนที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพลูกน้อยอย่างรุนแรงในอนาคต 

ทารกหายใจครืดคราดอันตรายไหม

ทำอย่างไรเมื่อลูกหายใจครืดคราด

อย่างที่ทราบกันแล้วว่า ทารกหายใจครืดคราดเกิดจากทางเดินหายใจเป็นหลัก ดังนั้นวิธีที่จะช่วยบรรเทาอาการและป้องกันไม่ให้อาการรุนแรงควรทำดังนี้

  • รักษาน้ำหนักตัวลูกน้อยให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่มากจนเกินไป

  • ให้ลูกน้อยอยู่ในสถานที่ที่อากาศถ่ายเท ปลอดโปร่ง เพื่อให้ลูกหายใจสะดวกขึ้น

  • ไม่สูบบุหรี่ หรือพาลูกไปในที่ที่มีควัน ไม่เช่นนั้นอาจกระตุ้นให้อาการของเขากำเริบ

  • รักษาความสะอาดให้ลูกเสมอ โดยเฉพาะฝ่ามือหรือสิ่งของใด ๆ ที่ต้องนำเข้าใกล้จมูกและปาก เพื่อไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ตัวลูก

เมื่อไหร่ที่ควรพาลูกไปหาหมอ

หากสังเกตอาการลูกน้อยอย่างถี่ถ้วนแล้ว และพบว่าเขาหายใจมีเสียงครืดคราดไม่หาย ก็ควรพาไปพบคุณหมอเพื่อวินิจฉัยโรคและสาเหตุ เพื่อทำการรักษาต่อไป แต่หากกำลังดูแลรักษากันอยู่ และมีอาการเหล่านี้ ก็ควรพาไปหาคุณหมอทันทีค่ะ

  • หายใจเร็วมากกว่า 60 ครั้งต่อนาที แม้ว่าเขาจะนอนหลับสนิท หรือเป็นช่วงที่กำลังผ่อนคลาย

  • หายใจไม่ออกอย่างรุนแรง

  • มีภาวะหยุดหายใจนานกว่า 10 วินาที

  • มีอาการตัวซีด ริมฝีปากม่วง มือ เท้า และเล็บเปลี่ยนสีผิดปกติ 

  • บริเวณหน้าอก หน้าท้องยุบตัวหนัก เมื่อหายใจเข้า

  • หายใจแล้วมีเสียงดัง

สรุปได้ว่าอาการทารกหายใจครืดคราดอาจเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาระบบทางเดินหายใจ ซึ่งหากรุนแรงมากอาจจะต้องเข้ารับการผ่าตัด คุณพ่อคุณแม่จึงควรสังเกตอาการลูกเสียแต่เนิ่น ๆ และพาพบคุณหมออย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่จะได้หาสาเหตุและรักษาได้อย่างทันท่วงที

Adblock test (Why?)


ทารกหายใจครืดคราดอันตรายไหม ไขข้อข้องใจ อาการแบบนี้เกิดจากอะไร - Kapook
Read More

No comments:

Post a Comment

ทำงานหนักจนลืมกินข้าว ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหารจริงหรือไม่? - Hfocus

การกินอาหารไม่ตรงเวลา มีผลต่อโรคกระเพาะจริงไหม? ปรับพฤติกรรมอย่างไรจะช่วยลดอาการป่วย  ด้วยพฤติกรรม การใช้ชีวิตในปัจจุบัน ทำให้บางคนไม่สามา...