
"โฆษกรัฐบาล" เผยนายกฯ ห่วงใยกลุ่มเด็กและเด็กเล็ก กำชับ "สธ."ฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมมากที่สุด ขณะที่ อย. อนุมัติเพิ่มซิโนแวค-ซิโนฟาร์มขยายฉีดเด็ก 6 ขวบขึ้นไป โดยไม่ต้องปรับขนาดยา ด้าน "หมอยง" เผยผลศึกษาการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หลังให้วัคซีน mRNA ในวัยรุ่น "โควิดไทย"ติดเชื้อเพิ่ม 10,879 ตาย 20 ราย
เมื่อวันที่ 6 ก.พ.65 ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอีกที่ 10,879 ราย เป็นการติดเชื้อภายในประเทศ 10,701 ราย (จากเรือนจำ 30 ราย) และเดินทางมาจากต่างประเทศ 178 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 2,497,001 ราย ทั้งนี้ พบมีการติดเชื้อเข้าข่าย ATK จำนวน 4,632 ราย ผู้เสียชีวิตลดลงเล็กน้อยที่ 20 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิตสะสม 22,291 ราย รักษาหาย 8,285 ราย รวมยอดผู้ป่วยรักษาหาย 2,383,673 ราย กำลังรักษาตัว 91,037 ราย อยู่ในโรงพยาบาล 45,171 ราย อยู่ในโรงพยาบาลสนามและอื่นๆ 45,866 ราย ปอดอักเสบ 533 ราย ในจำนวนนี้ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 104 ราย
สำหรับรายละเอียดผู้เสียชีวิต 20 ราย เป็นชาย 10 ราย หญิง 10 ราย โดยเป็นคนไทย 18 ราย เมียนมา 1 ราย อเมริกัน 1 ราย อายุน้อยที่สุด 35 ปี อายุมากที่สุด 98 ปี โดยอายุ 60 ปีขึ้นไปมี 17 ราย อายุน้อยกว่า 60 ปี มีโรคเรื้อรัง 2 ราย และไม่มีโรคเรื้อรัง 1 ราย พบสาเหตุการติดเชื้อส่วนใหญ่ติดจากคนใกล้ชิดมากที่สุด 14 ราย โดยกทม.พบผู้เสียชีวิต 2 ราย สมุทรปราการ 1 ราย นนทบุรี 1 ราย ขอนแก่น 1 ราย ชัยภูมิ 1 ราย นครราชสีมา 1 ราย มหาสารคาม 1 ราย เชียงใหม่ 2 ราย นครสวรรค์ น่าน และอุตรดิตถ์ จังหวัดละ 1 ราย นครศรีธรรมราช 2 ราย พระนครศรีอยุธยา 3 ราย ชลบุรี 1 ราย ลพบุรี 1 ราย ติดเชื้อไทยจ่อทะลุ 2.5 ล้าน ส่วนผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 178 ราย มาจาก 39 ประเทศ โดยรัสเซียสูงสุด 81 ราย ตามด้วย เยอรมนี 10 ราย คาซัคสถาน 9 ราย
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ห่วงใยกรณีที่พบว่ากลุ่มเด็กติดโควิดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยพบเด็กช่วงอายุระหว่าง 5-11 ปี ติดเชื้อโควิดในช่วงเดือนเม.ย.-31 ธ.ค.64 แล้ว จำนวน 123,403 คน ขณะที่ช่วงเดือนม.ค.-2 ก.พ.65 ติดเชื้อสะสม 13,600 คน ส่วนกลุ่มอายุ 12-17 ปี ช่วงปี 64 ติดเชื้อสะสม 111,952 คน และช่วงม.ค.-2 ก.พ.65 ติดเชื้อสะสม 10,226 คน กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการและดูแลให้กลุ่มเด็กดังกล่าวได้รับวัคซีนครอบคลุมครบตามเกณฑ์ที่กำหนดให้มากที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและบรรเทาอาการรุนแรงของโรค โดยหลังจากที่วัคซีนล็อตแรกถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 26 ม.ค.65
ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้นำร่องฉีดวัคซีนโควิด-19 (ไฟเซอร์สูตรเด็กฝาสีส้ม) ที่สถาบันสุขภาพเด็มหาราชินี (โรงพยาบาลเด็ก) ให้กับเด็กกลุ่มอายุ 5-11 ปี ที่มีโรคประจำตัวและมีความเสี่ยงต่อความรุนแรงของโรคแล้วตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา ตามความสมัครใจ และเข็มที่ 2 จะเริ่มวันที่ 26 ก.พ.65 เป็นต้นไป ล่าสุด ไทยฉีดวัคซีนโควิด-19 สะสม ตั้งแต่ 28 ก.พ.64 - 4 ก.พ.65 รวม 116,628,065 โดส ใน 77 จังหวัด โดยจำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม 52,464,271 ราย (คิดเป็น 75.4% ของประชากร) เข็มที่ 2 สะสม 48,869,535 ราย (คิดเป็น 70.3% ของประชากร) และเข็มที่ 3 ขึ้นไป สะสม 15,294,259 ราย (คิดเป็น 22.0% ของประชากร)
"ขณะนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โด้ขยายขอบเขตการใช้วัคซีนสำหรับอายุ 6 ปีขึ้นไปแล้ว โดยไม่ต้องมีการปรับขนาดยาของวัคซีนซิโนแวค ที่นำเข้าโดยองค์การเภสัชกรรม (อภ.) และวัคซีนซิโนฟาร์ม นำเข้าโดย บริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด ซึ่งจะเป็นอีกทางเลือกสำหรับวัคซีนมาฉีดให้กับเด็กด้วย ซึ่งจากข้อมูลในประเทศไทยมีเด็กทั่วไปอายุ 5-11 ขวบ ประมาณ 5 ล้านคน โดยขณะนี้ได้มีการฉีดวัคซีนโควิดสูตรสำหรับเด็ก เข็มที่ 1 ให้กับเด็กอายุ 5-11 ขวบไปแล้วประมาณ 29,752 คน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ได้แนะนำการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีส้ม สูตรสำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี คือ ระยะห่างระหว่างเข็มที่ 1 และ 2 เป็นเวลา 8 สัปดาห์ ซึ่งสถานพยาบาลแต่ละแห่ง จะมีการแยกจุดฉีดหรือโต๊ะฉีด สำหรับสูตรฉีดผู้ใหญ่ (ขวดฝาม่วง) และสูตรสำหรับเด็ก (ขวดฝาส้ม) อย่างชัดเจน เพื่อให้การรับบริการฉีดวัคซีนเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและป้องกันความสับสน"โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว
ด้าน ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Yong Poovorawan ว่า ...
วัคซีนโควิด-19 การเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หลังให้วัคซีน mRNA ในวัยรุ่น เป็นที่ทราบกันดีว่าวัคซีนมีความจำเป็น ในการป้องกันลดความรุนแรงของโรค covid 19
จากการศึกษาในอิสราเอล เผยแพร่ในวารสาร NEJM (26 Jan 2022) เกี่ยวกับการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ตามหลังการให้วัคซีน Pfizer ในวัยรุ่น อายุ 12-15 ปี จำนวนประมาณ 400,000 คน สำหรับเข็มแรก และประมาณ 320,000 สำหรับเข็มที่ 2 โดยเป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชายเล็กน้อย ข้อมูลที่ได้พบเช่นเดียวกับการศึกษาในอดีต คือการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเกือบทั้งหมด จะเกิดขึ้นในเข็มที่ 2 และพบในเด็กชายมากกว่าเด็กหญิงมาก
การเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ถึงกับต้องนอนโรงพยาบาล ในเด็กชายหลังเข็ม 2 วัคซีน Pfizer จะพบ 1 ใน 12,361 ในการได้รับเข็ม 2 ส่วนเด็กหญิง จะพบน้อยกว่ามาก พบในอัตรา 1 ใน 144,439 หรือน้อยกว่ากันเป็น 10 เท่า
การวินิจฉัยกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจะถูกแบ่งเป็น สงสัย น่าจะเป็น และยืนยันการเป็นกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ในการยืนยันการเป็นกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ จะต้องอาศัย การตรวจ echo ที่ชัดเจนมาก หรือ MRI หัวใจ หรือ การตรวจชิ้นเนื้อจากการใส่สายตัดมาตรวจ ดังนั้นข้อมูลที่แท้จริงถึงกับยืนยัน คงจะได้น้อยกว่าความเป็นจริง เพราะการเกิดการอักเสบ จำนวนมากมีอาการไม่มาก และหายได้เอง
ภาพที่แสดงการยืนยัน เป็นรูปที่ได้จากการตรวจเด็กไทยหลังได้รับวัคซีน pfizer และตรวจยืนยันว่ามีกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ จะ echocardiogram และ MRI ภาพ echo จะเห็นนํ้าอยู่ ในเยื่อหุ้มหัวใจ (pericarditis)
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่โรคโควิด -19 ยังคุกคามอย่างหนัก การให้เด็กและวัยรุ่นได้รับวัคซีน ยังมีประโยชน์ ในการป้องกันความรุนแรงของโรค การตัดสินใจจะรับวัคซีนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้ปกครองโดยชอบธรรม ในการตัดสินใจ ที่ได้ข้อมูลครบ
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ประธานาธิบดีเรเซป ตอยยิป เออร์โดกัน ผู้นำตุรกี และนางเอมีน เออร์โดกัน ผู้เป็นภริยา ถูกตรวจพบว่า ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ภายหลังจากมีผลตรวจหาเชื้อเป็นบวก เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ตามวันเวลาท้องถิ่น
รายงานข่าวแจ้งว่า ทั้งประธานาธิบดีเออร์โดกัน และภริยา มีอาการป่วยเพียงเล็กน้อย โดยประธานาธิบดีตุรกี ยังเปิดเผยด้วยว่า เขาจะทำงานจากที่บ้าน จากการที่เข้าสู่มาตรการกักตัวเพื่อควบคุมโรคโควิด-19
ขณะที่ สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดฯ ในพื้นที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก ปรากฏว่า ยังคงลุกลามอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ล่าสุด มีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 394,136,779 ราย ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวน 5,752,716 ราย และผู้ป่วยที่รักษาหายมีจำนวนสะสม 313,005,173 ราย โดยสหรัฐฯ พบผู้ป่วยติดเชื้อจำนวนสะสมอยู่ที่ 77,966,691 ราย มากเป็นอันดับ 1 ของโลก ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวน 925,655 ราย มากเป็นอันดับ 1 ของโลกเช่นกัน และผู้ป่วยที่รักษาหายมีจำนวนสะสม 47,900,252ราย
วัคซีน mRNA เสี่ยง หัวใจอีกเสบ - สยามรัฐ
Read More
No comments:
Post a Comment