ผู้จัดการรายวัน360- MAAT ฟันธง ปีนี้สงครามรัสเซีย-ยูเครน ชี้ชะตาอุตสาหกรรมโฆษณา 107,786 ล้านบาท ว่าจะเลวร้ายสุดจะโตเพียง 2.1% หรือดีที่สุดกลับมาโต 5% หวังจบภายในครึ่งปีนี้ พาเจาะลึกภาพรวมปี65 ราคาโฆษณารวมเฟ้อขึ้น 5% ขณะที่สื่อทีวี, OHM และออนไลน์ ยังโตต่อเนื่อง ชี้เลือกตั้งผู้ว่ากทม. และซีเกมส์พาเม็ดเงินโฆษณาสะพัดได้บ้าง
ดร. ธราภุช จารุวัฒนะ นายกสมาคมมีเดีย เอเยนซี่ และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาในปี2564 ปิดที่ 107,786 ล้านบาท โต 1.1% ซึ่งการเติบโตหลักจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี ขณะที่ 4 สื่อหลักที่ยังเติบโตได้ดีอยู่ คือ ทีวีโต 3%, OHM โต3%, อินสโตร์ โต 3% และออนไลน์ โต 11%
โดยมีปัจจัยบวกที่ทำให้เกิดการเติบโต มาจากการปรับใช้ดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซ ที่ขับเคลื่อนด้วยสื่อDigital, TV, OOH และ อินสโตร์ จากที่ในปีก่อนคนอยู่บ้านมากขึ้น ทำให้ดูทีวีและบริโภคออนไลน์สูงขึ้น ทำให้สื่อดิจิทัลยังคงเป็นดาวเด่นของการเติบโตสูงสุด
ขณะที่การจำกัดการเดินทางกระทบอย่างมากกับสื่อภาพยนตร์ ส่วนสื่อพิมพ์โดยรวมยังคงหดตัว
ทั้งนี้ยังพบว่ากลุ่มสินค้าที่เติบโตได้ดีในปี2564 คือหมวดที่เกี่ยวข้องกับการทำอาหารที่บ้าน และสุขภาพ ได้แก่ เครื่องปรุงรส โต 54%, เครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ โต 49%, อาหารว่าง โต 41%, เครื่องฟอกอากาศ โต 144%, เครื่องดื่มวิตามิน โต 112% และเครื่องดื่มสมุนไพร โต 129%
นอกจากนี้ยังพบว่า ช่วงล็อคดาวน์ช่วยเร่งการใช้งานดิจิทัลและการค้าอิเล็กทรอนิกส์สู่ E-Marketplaceมากขึ้น ส่งผลให้กลุ่มร้านค้าปลีกโต 155% และ Video Streaming Application โต 44% อีกด้วย
สำหรับปี2565 นี้ เชื่อว่าภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาจะยังคงมีการเติบโตได้ 2.1-5% โดยมี.ค.-เม.ย. จะเป็นช่วงชี้วัดได้ดีที่สุดว่าจะโตได้จริงเท่าไร ซึ่งสถานการณ์ทางการเมือง ที่จะมีการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. และนายกเมืองพัทยา รวมถึงอีเวนท์กีฬาอย่าง ฟุตบอลโลกและซีเกมส์ จะมีเม็ดเงินโฆษณาสะพัดมากขึ้นในช่วงนั้นๆ
แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน และโควิด -19 ด้วย โดยในปี2565นี้มองว่า สื่อโฆษณาที่จะกลับมาโตอย่างมาก คือ สื่อในโรงภาพยนตร์ ทรานซิท และอินสโตร์
ขณะที่อัตราการปรับขึ้นราคาสื่อในภาพรวมปีนี้จะสูงขึ้น 5% หลักๆที่เห็นชัด คือ ทีวีเพิ่มขึ้น 6.39%, สิ่งพิมพ์ ลดลง 5%, OHM เพิ่ม 3%
ทั้งนี้จากปัจจัยบวกต่างๆที่เกิดขึ้นในปีก่อน ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อจากภาครัฐ การส่งออกที่ดีขึ้น เชื่อว่า GDP ปี2565นี้ จะอยู่ที่ 3.0-4.5% โดยมองว่า ปัจจัยบวกในปีนี้ ได้แก่ 1.การเข้าถึงวัคซีน2เข็มกว่า 74%, 2.การฟื้นฟูความต้องการและกิจกรรมทางธุรกิจ, 3.Positive BSI, 4. CCI Digital Adoption, E-commerce โต 75%, 5.แรงกระตุ้นของรัฐบาล และ 6.การส่งออกยังเติบโต 2% ถึง 5%
ส่วนปัจจัยลบในปีนี้ ได้แก่ 1.โควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่ระบาด, 2. ปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง 14.35 บาท หรือ 89.3% ของ GDP, 3.ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายสินค้า
ที่สูงขึ้น, 4.อัตราเงินเฟ้อ 1-3%, 5.เอ็นพีแอล กำลังเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป, 6.การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวอาจล่าช้า และ 7.สงครามรัสเซีย-ยูเครน
“สงครามรัสเซีย-ยูเครน อาจจะมีผลกระทบในภาพรวมน้อยกว่าโควิด-19 แต่ต้องยอมรับว่ามีผลกระทบโดยตรงกับเรื่องของต้นทุน ยิ่งราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ลูกค้าจะต้องเฝ้าระวังในการบริหารต้นทุนอย่างมาก ซึ่งการใช้สื่อโฆษณาจะเป็นสิ่งแรกที่ลูกค้าจะนำมาใช้ว่าจะคุ้มกับต้นทุนที่เกิดขึ้นหรือไม่ ส่งผลให้สงครามรัสเซีย-ยูเครน จะเป็นตัวแปรสำคัญของภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาในปีนี้ว่า 1.จะเลวร้ายที่สุดหากสงครามยืดเยื้อคือโตได้เพียง 2.1% และ2.กลับมาโตได้สูงสุด 5% ก็ต่อเมื่อจบได้เร็วภายในไตรมาสสองหรือภายในช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย.นี้” ดร. ธราภุช กล่าวทิ้งท้าย.
สารพัดปัจจัยลบถล่มโฆษณา สื่อทีวีขึ้นราคา-อินสโตร์ฟื้น - ผู้จัดการออนไลน์
Read More
No comments:
Post a Comment